ผู้จัดการรายวัน 360 - “ลักษ์ชัวร์รี่” รุกตลาดหมอนนอนระดับบนเต็มสูบ ขยายตลาดโฮเต็ลซัปพลายครบวงจร และธุรกิจหมอนให้เช่ายกล็อต ปูพรมดีซี 4 แห่ง คาดปี 59 รายได้ 320 ล้านบาท เติบโต 65%
นายคมศานต์ จิวากานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีลักษ์ โฮเทล ซัพพลาย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายหมอนโรงแรมแบรนด์ “ลักษ์ชัวร์รี่” ของไทย เปิดเผยว่า หลังจากทำธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2556 และมียอดขายเมื่อปีที่แล้ว 2558 ประมาณ 150 ล้านบาท บริษัทฯ วางแผนตลาดเชิงรุกมากขึ้นในปีหน้า (2560) โดยจะขยายตลาด 2 ธุรกิจใหม่คือ 1. ธุรกิจโฮเต็ลซัปพลายด้านที่นอนแบบครบวงจร และ 2. ธุกริจให้เช่าหมอนนอน เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจากปัจจุบันที่ยังมีน้อย จากมูลค่าตลาดรวม 3,000 ล้านบาท เติบโต 6% ต่อปี
โดยร่วมมือกับพันธมิตรผู้ผลิตสินค้าต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ที่นอน ผ้าปูเตียง ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว ปลอกหมอน เตียง เป็นต้น เพื่อนำเสนอสินค้าภายใต้แบรนด์ลักษ์ชัวร์รี่เข้าเสนอตามโรงแรมระดับ 5-6 ดาวต่างๆ ในรูปแบบโซลูชันทั้งหมด เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์และความหลากหลายของสินค้าและบริการ จากเดิมมีเพียงหมอนจำหน่ายอย่างเดียว
อีกธุรกิจคือ การให้เช่า จับกลุ่มตามโรงแรมต่างๆ ระดับบน เสนอขายเป็นชุดใหญ่ และมีการเปลี่ยนหมอนใหม่ให้ยกล็อตตามจำนวนและระยะเวลาที่ตกลงกัน ซึ่งจะทำให้ได้ลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่ง โดยที่ปีหน้าจะเน้นตลาดออนไลน์ด้วยเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วว
บริษัทฯ เตรียมสร้างศูนย์กระจายสินค้าและโชว์รูม 4 สาขา เหนือ ใต้ ออก ตก จะเริ่มปีหน้า คาดลงทุนแห่งละ 100 ล้านบาท ปัจจุบันช่องทางจำหน่ายหลักเน้นการออกบูทตามคอมมูนิตีมอลล์ อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า มากกว่า 30 จุด และการออกบูทตามงานแฟร์ต่างๆ เช่น บ้านและสวน เป็นต้น เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้ตรงจุด
ปัจจุบันทำธุรกิจหลัก คือ หมอนนอน อย่างเดียว จับกลุ่มลูกค้าผู้ใช้ทั่วไประดับบีบวก ราคา 1,500-18,990 บาท มี 16 รุ่น มีกำลังผลิตประมาณ 6,000 ใบต่อเดือนที่โรงงานพุทธมณฑลสาย 3 ซึ่งปีนี้ได้เซ็นสัญญาเพื่อรับจ้างผลิตให้กับทาง 1577 คอลเซ็นเตอร์
นายคมศานต์กล่าวว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวมปี 2559 ที่ 230 ล้านบาท โต 65% สัดส่วนมาจากผู้บริโภคทั่วไป 75% และรับจ้างผลิต และอีก 10% มาจากโรงแรม ส่วนแผน 5 ปีจากนี้ตั้งเป้ารายได้ที่ 1,000 ล้านบาท และงบตลาดเฉลี่ยปีละ 20 ล้านบาท และมีแผนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วย สัดส่วนรายได้มาจาก ผู้บริโภคทั่วไป 50% โรงแรม 30% และรับจ้างผลิต 20% ซึ่งปีหน้าตั้งเป้ารายได้ 330 ล้านบาท
ส่วนตลาดต่างประเทศเป็นแผนอนาคต ซึ่งช่วงแรกจะเน้นสร้างฐานธุรกิจในไทยให้แข็งแรงก่อน ซึ่งมองไปตลาดโลก เช่น ยุโรป เพราะเมื่อแบรนด์แข็งแกร่งแล้วการทำตลาดประเทศเพื่อนบ้านก็เป็นเรื่องไม่ยาก