สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์คาดส่งออกปี 2559 จะมีมูลค่า53,085 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะปรับตัวลดลง 1.6% หลังตัวเลขส่งออกครึ่งปียังไม่ฟื้น เหตุอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี พร้อมจับมือ สมอ.ทุ่มงบ 500 ล้านยกระดับมาตรฐานการทดสอบผลิตภัณฑ์อัจฉริยะ
นายสมบูรณ์ หอตระกูล ผู้อำนวยการสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สถาบันเครือข่ายกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยข้อมูลสถานการณ์อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ไทยในปัจจุบัน และแนวโน้มปี 2559 ภายใต้การรวบรวมข้อมูลและดำเนินงานโดย E&E Intelligence Unit พบว่า สถานการณ์การส่งออกของสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในภาพรวมช่วง 6 เดือนแรกของปี 2559 มีมูลค่าส่งออก 25,701.63 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 4.72% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้แนวโน้มภาพรวมการส่งออกในปี 2559 ของสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์คาดว่าจะมีมูลค่า 53,085 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะปรับตัวลดลง 1.6%
“6 เดือนแรกเฉพาะสินค้าไฟฟ้ามีมูลค่าการส่งออก 11,093.91 ล้านเหรียญสหรัฐ ยังคงปรับตัวลดลง 4.01% ส่วนอิเล็กทรอนิกส์มีมูลค่าการส่งออก 14,607.72 ล้านเหรียญสหรัฐ ลด 5.25% เนื่องจากตลาดส่งออกโดยรวมมีภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัว โดยสินค้าไฟฟ้าที่ลดลง เช่น กล้องถ่ายโทรทัศน์ กล้องบันทึกวิดีโอ เครื่องซักผ้า ส่วนอิเล็กทรอนิสก์ที่ลดลงเป็นประเภทอุปกรณ์ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับตัวลดลงในระยะนี้เนื่องจากอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีดิจิตอล โดยธรรมชาติของตลาดจะนิ่งอยู่สักระยะหนึ่งเพื่อรอดูการเปลี่ยนแปลงของการพัฒนาเทคโนโลยี” นายสมบูรณ์กล่าว
ทั้งนี้ หากพิจารณาการลงทุน 6 เดือนแรกปี 2559 มีการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์โทรคมนาคม ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์เดิมที่มีศักยภาพและกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ จำนวน 42 โครงการ มีเงินลงทุน 23,276 ล้านบาท และพบว่าผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในทางการแพทย์และเพื่อสุขภาพเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์เป้าหมายที่มีความสำคัญและมีศักยภาพที่จะมีการส่งเสริมให้มีการผลิตในประเทศมากขึ้นเพื่อตอบสนองสังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีการนำเข้าผลิตภัณฑ์ประเภทดังกล่าว มูลค่ากว่า 17,000 ล้านบาทต่อปี
นายสมบูรณ์กล่าวว่า สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ได้ร่วมมือกับสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เพื่อยกระดับมาตรฐานและขยายขอบข่ายห้องปฏิบัติการทดสอบเพื่อรองรับการขยายการลงทุน และเพิ่มศักยภาพการผลิตในประเทศไทยสำหรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ได้แก่ อุตสาหกรรมกลุ่ม S-Curve และอุตสาหกรรมเป้าหมายภายใต้นโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษรูปแบบ Super Cluster โดยมีเป้าหมายในการจัดทำมาตรฐานรองรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เป้าหมาย ในปี 2560-2564 จำนวน 283 มาตรฐาน โดย สมอ.ประมาณการงบลงทุนไว้ 500 ล้านบาท
