ดิจิทัลมีเดียกำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านไปสู่ “ยุคมีเดียที่แตกละเอียด” แต่ละวันมี Live Content คนดูเป็นแสนคน และมีคนหรือเพจผลิต Live Content กันวันละนับพันนับหมื่น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า มันเข้าสู่ยุคมีเดียที่แตกละเอียด ยิบย่อยไปหมด จากเดิมที่มีสื่อใหญ่เพียงทีวีไม่กี่ช่อง วิทยุไม่กี่คลื่น นิตยสารหรือหนังสือพิมพ์ไม่กี่ฉบับ แต่ทุกวันนี้การเสพสื่อของคนทั่วโลกได้เปลี่ยนเป็นการเสพสื่อที่กระจัดกระจาย ซ่อนอยู่ใน ทุกที่ เช่นการรับข้อมูลจากคนต่อคน จากเพื่อนของเขาที่เอามาแชร์ จากเพจที่มีสมาชิกแค่หลักร้อยแต่มีไลฟ์สไตล์ที่ตรงกัน หรือมีเนื้อหาโดนใจ ซึ่งผู้บริโภคหาเสพไม่ได้จากสื่ออื่นๆ
นอกจากนั้นช่วงเวลาของการเสพสื่อก็ต่างจากเดิม ไม่ใช่ช่วงเวลาละครหลังข่าวภาคค่ำเท่านั้น แต่เปลี่ยนเป็นการเสพ Content ตลอดเวลา ในหลายช่องทางพร้อมกัน และแน่นอนว่า 90 ล้านเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในไทยก็ใช้เสพสื่อในโลกดิจิทัลนี้ในแบบเดียวกัน หนึ่งในผู้เห็นความเปลี่ยนแปลง ”คุณจิณณ์ เผ่าประไพ” ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท CJ WORX ครีเอทีฟ ดิจิทัล เอเจนซี่ ที่ได้นำเอาองค์ความรู้ และประสบการณ์ที่สั่งสมมา ประกอบกับการเฝ้าติดตามพฤติกรรมการเสพสื่อดิจิทัลของคนไทย นำมาประยุกต์ เพื่อใช้กับการทำ ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง
จึงไม่แปลกหากคนดิจิทัล เอเจนซี่จะต้องมีเซนส์ไวต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล และเพราะต้องนำเอาเทรนด์ต่างๆ ไปสร้างสรรค์แคมเปญ ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง ให้แบรนด์ต่างๆ ประสบความสำเร็จ ในขณะที่ดิจิทัล เอเจนซี่ ในฐานะองค์กรก็ต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลาด้วยเช่นกัน คุณจิณณ์ เผ่าประไพ ผู้ดำรงตำแหน่ง Managing Director กล่าวออกความเห็นว่า CJ WORX และ SPORE BANGKOK ได้ก่อตั้งมาเพียง 5 ปี มีผลประกอบการในปีที่ผ่านมา ด้วยอัตราการเติบโตกว่า 100 % เมื่อมีความชำนาญจากประสบการณ์แล้ว การปรับตัวครั้งใหม่ที่ตามมาคือ การเพิ่มความคล่องตัวขององค์กร
เร่งให้แรงกว่าจรวด & โผล่ประชิดเป้าหมาย
“ROCKETCAT” & “SUBMARINE” คือ 2 ครีเอทีฟ ดิจิทัล เอเจนซี่ เปิดใหม่รูปแบบเหมือน CJ WORX ที่ก่อตั้งเมื่อ 5 ปีก่อน แต่ต่างกันตรงที่มีประสบการณ์ในวงการดิจิทัล เอเจนซี่ สั่งสมองค์ความรู้ในวงการ ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง มาตลอด จึงเป็นทุนให้ 2 บริษัทใหม่มีแต้มต่อ และพร้อมเติบโตในสายงานนี้ได้อย่างเร็วขึ้น
การแตกตัว เพื่อขยายการเติบโต...ในมุมมองของคนก่อตั้ง ดิจิทัล เอเจนซี่แห่งนี้มองว่าบริษัท CJ WORX เป็น ครีเอทีฟ ดิจิทัล เอเจนซี่ และบริษัท SPORE BANGKOK เป็นดิจิทัล มีเดีย เอเจนซี่ ส่วนที่เพิ่งถือกำเนิดใหม่ คือ “ROCKETCAT” มาจาก Rocket กับ Catalyst นั่นคือ การเป็นครีเอทีฟ ดิจิทัล เอเจนซี่ ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หรือเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้พุ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็วเหมือนจรวด ส่วนอีกครีเอทีฟ ดิจิทัล เอเจนซี่เหมือนกันคือ “SUBMARINE” ที่จะใช้ความครีเอทของไอเดียที่สดใหม่ เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคให้เกิดการเหนือความคาดหมายเหมือนเรือดำน้ำที่โผล่ขึ้นมาพิชิตเป้าหมาย
ไม่ใช่บริษัทในเครือ แต่คือคู่แข่งความครีเอท
“ไม่ใช่เพียง ROCKETCAT และ SUBMARINE เป็นบริษัทลูกของ CJ WORX แต่ผมถือว่าเป็นคู่แข่ง และต้องเอาชนะ CJ WORX ให้ได้ ขณะเดียวกัน CJ WORX ก็ต้องเอาชนะบริษัทเปิดใหม่นี้ด้วยเช่นกัน” คุณสหรัฐ สวัสดิ์อธิคม Managing Director ของบริษัท CJ WORX สะท้อนการขยายตัวของการทำงานครีเอทีฟ ดิจิทัล เอเจนซี่
ในอีกมุมมองเชิงการทำงาน การแยกตัวเปิดเพิ่มขององค์กร อาจไม่ใช่แค่เรื่องการบริหารจัดการที่ดีขึ้น และการลดขั้นตอนการทำงานให้คล่องตัวเท่านั้น แต่ในมุมของคุณสหรัฐ กลับมองว่า เป็นการกระจายทีมงานคนเก่ง ให้ขยายฐานการทำงาน ครีเอทีฟให้มากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็น CJ WORX ROCKETCAT หรือ SUBMARINE สิ่งหนึ่งที่ทำให้ คุณสหรัฐ สวัสดิ์อธิคม มั่นใจในการดำเนินงาน แม้จะเป็นบริษัทที่เพิ่งเปิดใหม่และทำงานแยกขาดจากกันก็คือกระบวนการทำงานที่มีคุณภาพเหมือนกัน ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมจากความเป็น ดิจิทัลเอเจนซี่ ที่มีกระบวนการทำงานเป็นแบบ DIMC (Digital Integrated Marketing Communications) หรือการสื่อสารการตลาดแบบครบวงจร โดยใช้ดิจิทัลเป็นตัวนำเสนอหลัก (Digital lead) ไม่ว่าจะเป็น แคมเปญ บนดิจิทัลมีเดีย ผสานกับมีเดียออฟไลน์ทั้งระบบ ผนวกโซเชียลในรูปแบบโคครีเอทและทรานส์มีเดียรวมถึงระบบ WOMON (Word of Mouth Online Network) เสริมด้วยดิจิทัลพีอาร์ และอีเว้นท์
DIMC คือ ตัวจริงในการสื่อสารยุคนี้
“การทำงานที่ใช้งานดิจิทัลเป็นตัวนำเสนอหลัก มีการใช้ดิจิทัล ไอเดีย ควบคู่กับการใช้ดิจิทัล มีเดีย มีความสำคัญเท่าๆกัน เพราะถ้าเป็น DIMC จะนำดิจิทัลไอเดียเป็นตัวนำเสนอหลัก ก่อนที่จะเลือกมีเดียทั้งดิจิทัลและไม่ใช่ดิจิทัลให้ตรงตามกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการสื่อสาร ทั้งนี้สามารถ Optimize เพื่อให้ได้ค่าที่เหมาะสมที่สุด และหวังผลได้มากที่สุดด้วย โดยแคมเปญสามารถเลือกมีเดียที่เป็นสื่อเดิมอย่าง ทีวี สิ่งพิมพ์ วิทยุ ฯลฯ เข้าเป็นเครื่องมือเสริมในแคมเปญเพื่อความบูรณาการให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และเอเจนซี่ที่เป็น DIMC จะต้องประยุกต์แคมเปญได้ครบทุกสื่อด้วย
แต่หากเป็นการตลาดแบบ IMC ที่ใช้มีเดียแบบเดิมเป็นตัวนำเสนอหลัก อาทิ ทีวี วิทยุ สิ่งพิมพ์ ฯลฯ ซึ่งเดิมมักจะเลือกจองมีเดียก่อน และใช้ไอเดียความคิดสร้างสรรค์ตามชนิดของมีเดียที่จองไว้ จึงทำให้การทำงานของแคมเปญ ไม่สอดคล้องกับยุคที่ผู้บริโภคมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปโดยเสพดิจิทัลมีเดีย ซึ่งมีมากขึ้นหลายทางกว่าก่อน
“นำสมัย ทันสมัย และตามสมัย” ในโลกยุคดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวเร็ววินาทีต่อวินาที 3 คำนี้คงไม่เพียงพอสำหรับคนดิจิทัล เอเจนซี่ เพราะผู้เริ่มก่อน ลงมือก่อน คือ ผู้กำหนดเทรนด์ ตัวจริงและเดินนำผู้อื่นก้าวหนึ่งเสมอ ดังนั้นการแตกตัว เพื่อตอบสนองกับเทรนด์ที่เกิดขึ้น นั่นคือ การแตกตัวเพื่อเติบโต...
(ข่าวประชาสัมพันธ์)