จากกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา เห็นชอบหลักการมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมสินค้าท้องถิ่นไทย (OTOP Extravaganza) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านการใช้จ่ายของประชาชนในการซื้อผลิตภัณฑ์ OTOP และกระจายรายได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในท้องถิ่น และชุมชน ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยผู้บริโภคสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับการซื้อสินค้า OTOP ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่รวมกันทั้งหมดแล้วไม่เกิน 15,000 บาท
นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายการพาณิชย์ “เทสโก้โลตัส” บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (เทสโก้โลตัส) เปิดเผยว่า เทสโก้พร้อมสนองนโยบายของรัฐบาลในมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมสินค้าท้องถิ่นไทย (OTOP Extravaganza) ของรัฐบาล ในการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับการซื้อสินค้าโอทอปตามรายจ่ายจริงแต่ไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท ตั้งแต่วันที่ 1-31 ส.ค. 59
เทสโก้จะนำสินค้าโอทอปประมาณ 200-300 รายการที่ได้มาตรฐานตามที่กรมการพัฒนาชุมชน กำหนด เข้าร่วมโครงการและลดราคาพิเศษ 15% พร้อมอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าด้วยการระบุรายละเอียดในใบเสร็จรับเงินว่าสินค้าใดบ้างที่เป็นสินค้าโอทอป
ทั้งนี้ ได้มีการแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งเพื่อจัดทำเป็นบูทสินค้าโอทอปโดยเฉพาะประมาณ 200-300 รายการ จากทั้งหมดกว่า 200 ชุมชนทั่วประเทศ ซึ่งวางจำหน่ายเฉพาะสาขารูปแบบไฮเปอร์มาร์เกต ประมาณ 200 สาขาทั่วประเทศจากเครือข่ายทั้งหมดของเทสโก้โลตัส จำนวนกว่า 1.8 พันสาขาทั่วประเทศ ใน 5 รูปแบบธุรกิจ นอกจากนั้นยังได้ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้กับสินค้าโอทอป ด้วยการนำสินค้าโอทอปบางส่วนที่ได้รับความนิยมจากลูกค้านำมาวางจำหน่ายบนชั้นสินค้าทั่วไป เช่นเดียวกับสินค้าแบรนด์เนมต่างๆ
นายกุฎาธาร นาควิโรจน์ ที่ปรึกษาบริหารฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ห้างค้าปลีกในกลุ่มบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (บีเจซี) กล่าวว่า โครงการนี้บิ๊กซีจะนำผลิตภัณฑ์โอทอป ทั้งกลุ่มอาหารสด-แห้ง และเครื่องใช้-ของประดับ มาจัดรายการในแคมเปญ “ช้อปโอท็อปช่วยชาติ ที่บิ๊กซี ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15,000 บาท” ที่ไฮเปอร์มาร์เกตของบิ๊กซีทุกสาขาทั่วประเทศ และที่บิ๊กซีมาร์เกต มินิบิ๊กซี และร้านขายยายเพียว ที่มีสินค้าโอท็อปวางจำหน่ายด้วย
บิ๊กซีจะจัดจุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์โอทอปสำหรับโครงการนี้โดยเฉพาะ และได้เตรียมระบบบริการลูกค้า ระบบออกใบกำกับภาษี และระบบไอทีต่างๆ ไว้รองรับแล้ว และคาดว่าโครงการนี้จะช่วยกระตุ้นการบริโภคผลิตภัณฑ์โอท็อปในกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยได้เป็นอย่างดี
ในระยะยาว โครงการนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระดับชุมชน สร้างรายได้หมุนเวียนไปสู่ผู้ผลิตสินค้าโอทอประดับชุมชนทั่วประเทศ และจะช่วยสร้างความตื่นตัวในการพัฒนามาตรฐาน บรรจุภัณฑ์ และกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์โอท็อป เพื่อเข้าสู่ระบบค้าปลีกสมัยใหม่มากขึ้นด้วย
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด ซีพีเอ็น หรือบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ซีพีเอ็นได้จัดพื้นที่ประมาณ 200 ตารางเมตรในทุกสาขาของเซ็นทรัลในกรุงเทพเพื่อจัดวางและจำหน่ายสินค้าโอทอป เพื่อร่วมโครงการดังกล่าว และคาดหวังว่าจะช่วยทำให้ยอดขายของสินค้าโอทอปเพิ่ม 10%
ทั้งนี้ เซ็นทรัลกรุ๊ปไม่เพียงแต่สนับสนุนสินค้าโอทอปเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนและส่งเสริมสินค้าของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอีกด้วย ด้วยการส่งทีมงานเข้าไปให้คำแนะนำกับเอสเอ็มอีในการพัฒนาสินค้า ซึ่งบางอย่างก็สำเร็จและวางจำหน่ายที่ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ตแล้ว
นายชำนาญ เมธปรีชากุล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุีป จำกัด กล่าวว่า เดอะมอลล์ กรุ๊ป พร้อมรับนโยบายดังกล่าว โดยมีการประสานงานกับผู้ประกอบการสินค้าโอทอปต่างๆ ที่จำหน่ายในห้างสรรพสินค้า เดอะมอลล์ ทุกสาขา ดิ เอ็มดิสทริค และพารากอน ดีพาร์ทเมนท์สโตร์ เพื่อจำแนกกลุ่มสินค้าโอทอปที่มีการจดทะเบียนตามหลักเกณฑ์ เพื่อนำไปปรับปรุงระบบการออกใบกำกับภาษีของห้างฯ โดยสินค้าโอทอปที่สามารถนำไปลดภาษีได้จะมีการคำว่า Otop นำหน้าสินค้า แสดงในใบกำกับภาษีที่ออกจากทางเดอะมอลล์
กลุ่มเดอะมอลล์เองมีสินค้าโอทอปจำหน่ายใน 3 แผนก Home Fresh Mart และ Gourmet Market ส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตรแปรรูป ในโซน Gourmet Thai และ สินค้า Healthty ของไทย, The Living สินค้าตกแต่งบ้าน และ Exotic Thai ซึ่งมีสินค้าโอทอปในกลุ่มที่ลดหย่อนภาษีได้รวมประมาณ 300 รายการ
ทั้งนี้ ในแต่ละห้างฯ จะมีการจัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ในแผนกที่มีการจำหน่ายสินค้าโอทอป รวมถึงมีการติดป้ายแจ้งสินค้าโอทอปที่นำมาลดภาษีได้ และใน Home Fresh Mart และ Gourmet Market จะมีการจัดซุ้มสินค้าพิเศษ โดยนำสินค้าโอทอปที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีมาจัดไว้รวมกัน
สำหรับโครงการดังกล่าวของรัฐบาลคาดว่าจะส่งผลในภาพรวมทำให้ผู้ผลิตสินค้าโอทอปมีการลงทะเบียนเข้าสู่ระบบมากขึ้น ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อภาพรวมเศรษฐกิจในอนาคต ในส่วนของห้างฯ เอง คงสร้างความคึกคักในการใช้จ่ายไม่มากนัก เมื่อเทียบกับโครงการที่จัดในช่วงสิ้นปี 2558 ที่ผ่านมาเนื่องจากสินค้าโอทอปไม่ใช่สินค้าหลักของห้างฯ
สำหรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการนี้ คือ 1. ต้องเป็นสินค้า OTOP ที่ได้รับการรับรองและลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชน และ 2. เป็นรายจ่ายในการซื้อสินค้า OTOP ให้กับผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และได้รับใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ ตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร ในระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ถึงวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2559 โดยใบกำกับภาษีต้องระบุรายการว่าเป็นสินค้า OTOP ทั้งนี้ ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขอื่นที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
ปัจจุบันตลาดของผลิตภัณฑ์ OTOP (One Tumbon One Product) มีมูลค่าทางเศรษฐกิจค่อนข้างสูงรวมกว่า 100,000 ล้านบาทต่อปี โดยมีประเภทสินค้าจำนวนกว่า 80,000 รายการ และมีส่วนในการสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในระดับฐานราก
นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เปิดเผยว่า กรมการพัฒนาชุมชน มีการทำงานร่วมกับภาคเอกชนและประชาชน ดำเนินงานโครงการในรูปแบบประชารัฐเพื่อยกระดับการสร้างรายได้ในชุมชุมกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ จนปัจจุบันมีสินค้าโอทอป 4.06 หมื่นกลุ่มสินค้า รวมกว่า 8 หมื่นรายการ โดยในปี 2559 กรมการพัฒนาชุมชน ยังมีการจัดทำโครงการ OTOP Trader เพื่ออบรมให้ความรู้ชุมชนทุกจังหวัดทั่วประเทศในการทำหน้าที่ตัวแทนจำหน่ายสินค้าโอทอปแต่ละประเภท
น.ส.ภัทรพร เพ็ญประพัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้บริหาร เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์, ท็อปส์ ซูเปอร์คุ้ม, ท็อปส์ เดลี่ และ อีทไทย ประกาศขานรับมาตรการภาครัฐในการส่งเสริมสินค้าท้องถิ่นไทยหรือโอทอป กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภาคประชาชน สามารถนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สูงสุด 15,000 บาท จัดงาน “ท็อปส์ ชวนช็อป โอทอป ลดหย่อนภาษีสูงสุด 15,000 บาท” นำสินค้าที่วางจำหน่ายในสาขากว่า 1,500 รายการ ประกอบด้วย อาหารพร้อมรับประทาน, เครื่องสำอาง สินค้าสุขภาพและความงาม, อาหารและเครื่องดื่ม และของใช้ในครัวเรือน มาจัดทำสื่อกระตุ้นการขายอย่างเต็มรูปแบบ
“ตลอดเดือนสิงหาคม 59 ท็อปส์นำสินค้าโอทอปทุกรายการที่จำหน่ายในทุกสาขา มากระตุ้นการขายด้วยการจัดทำป้ายสัญลักษณ์พิเศษ ณ จุดขาย เพื่อดึงนักช็อปมาเลือกซื้อสินค้า พร้อมจัดทำระบบชำระเงินใหม่ที่ลูกค้าสามารถเห็นยอดซื้อสินค้าโอทอปในใบเสร็จอย่างชัดเจน สามารถนำไปออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ ณ จุดบริการลูกค้า เป็นการอำนวยความสะดวก ง่าย และรวดเร็ว”
พร้อมกันนี้ยังอัดโปรโมชันเพิ่ม เมื่อซื้อสินค้าโอทอป ครบ 300 บาทขึ้นไปต่อใบเสร็จ รับฟรีคูปองส่วนลดท้ายใบเสร็จ 2 ใบ มูลค่ารวม 100 บาท เพื่อนำไปซื้อสินค้าในครั้งต่อไป ใบแรกเป็นคูปองมูลค่า 60 บาท ใช้เป็นส่วนลดเมื่อชอปครบ 1,000 บาทขึ้นไปต่อใบเสร็จ ใบที่ 2 เป็นคูปองมูลค่า 40 บาท ใช้เป็นส่วนลดเมื่อช็อปครบ 800 บาทขึ้นไปต่อใบเสร็จ คูปองใช้ได้ตั้งแต่ 1 สิงหาคม - 14 กันยายน 59
นอกจากนั้นแล้ว ในงานจำหน่ายสินค้าชุมชน โอทอป และเอสเอ็มอี “ท็อปส์เพื่อเกษตรกรไทย ร่วมใจประชารัฐ” ระหว่างวันที่ 1-12 สิงหาคม 59 ณ ชั้น 1 ห้างสรรพสินค้า โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ จ.สระบุรี ได้มีการจัดซุ้มพิเศษจำหน่ายสินค้าโอทอป พร้อมป้ายสัญลักษณ์ เพื่อกระตุ้นการซื้อภายในงานอีกด้วย