“ส.อ.ท.” เผยแนวโน้มอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ปี 2559 ยังอยู่ในภาวะทรงตัวจากปีที่แล้วด้วยปัจจัยหลักอุตสาหกรรมการพิมพ์ยังซบเซาต่อเนื่องจากเม็ดเงินโฆษณาที่ลดแถมตลาดยังแข่งเดือดจากสื่อออนไลน์ แอปพลิเคชัน แนะสื่อการพิมพ์บรรจุภัณฑ์ต้องปรับตัวเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 เพื่อความอยู่รอดไม่อย่างนั้นรอวันปิดตัว
นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และประธานคลัสเตอร์กลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ ส.อ.ท.เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ปี 2559 คาดว่าจะอยู่ในภาวะทรงตัวที่มีมูลค่าตลาดประมาณ 3 แสนล้านบาทจากปีที่ผ่านมาเนื่องจากภาพรวมอุตสาหกรรมการพิมพ์จะลดลงระดับ 5-10% ต่อเนื่องจากสื่อระบบดิจิตอล ทั้งออนไลน์ แอปพลิเคชัน เข้ามาทดแทน ส่วนอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ภาพรวมจะเติบโต 10% จากการผลิตในประเทศและการส่งออกสินค้าที่มีการให้ความสำคัญต่อรูปแบบบรรจุภัณฑ์มากขึ้น
“ภาพรวมตลาดในประเทศยังคงมีปัญหาจากเม็ดเงินโฆษณาที่ลดต่ำการแข่งขันสูง ขณะที่การส่งออกภาพรวม แม้จะติดลบ 2% แต่บรรจุภัณฑ์ก็ยังโตได้ระดับ 5-10% เพราะมีการใช้บรรจุภัณฑ์มากขึ้น ภาพรวมออกมาปีนี้จึงทรงตัว โดยพบว่าภายในประเทศนั้นเห็นชัดเจนว่าการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น สื่อโลกออนไลน์ และดิจิตอล หรือ social media และ digital media ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์โรงพิมพ์และสำนักพิมพ์หลายแห่งที่ก่อนหน้านี้เคยมีผลประกอบการที่เติบโตต่อเนื่อง 5-7% แต่ในระยะ 2-3 ปีมานี้ปิดตัวเองลงไปพอสมควรโดยเฉพาะแมกกาซีน หรือลดขนาดของกิจการลงและคาดว่าปีนี้ก็ยังมีให้เห็นต่อ โดยสื่อที่เหลือต้อง ขายเนื้อหาหรือ content ทั้งแตกต่างทั้งในสื่อสิ่งพิมพ์และออนไลน์เองก็ตามไม่งั้นจะอยู่ยาก” นายเกรียงไกรกล่าว
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ไทยกำลังอยู่ในช่วงปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปโดยเฉพาะเมื่อการรับรู้ข่าวสารของผู้บริโภคที่เน้นมารับรู้ผ่านโทรศัพท์มือถือ และสื่อออนไลน์ ต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ส่งผลกระทบต่อสื่อสิ่งพิมพ์ที่เป็นกระดาษโดยตรงทั้ง หนังสือพิมพ์ นิตยสาร โบรชัวร์ คูปองหรือแผ่นพับส่งเสริมการขาย ฯลฯ ดังนั้น อุตสาหกรรมสิ่งพิพม์จึงต้องปรับเข้าสู่ระบบดิจิตอล โดยเข้าสู่การเสนอผ่านออนไลน์และปรับเนื้อหาข่าวในการนำเสนอ (Content) เพื่อผสมผสานในการรักษาฐานผู้อ่านเอาไว้
“ที่ผ่านมาเราจะเห็นว่านิตยสารจำนวนไม่น้อยได้ปิดตัวลงและส่วนหนึ่งได้หันมาทำระบบออนไลน์แทน ขณะที่หนังสือพิมพ์เองก็ต้องปรับเนื้อหาข่าวและทำออนไลน์ผสมผสานกันไปเพื่อที่จะรักษาลูกค้าในทุกระดับเอาไว้ สื่อไม่ว่าจะเป็นทีวี สิ่งพิมพ์ล้วนต้องปรับให้เข้ากับยุคดิจิตอลทั้งหมดไม่เช่นนั้นก็จะอยู่ไม่ได้” นายเกรียงไกรกล่าว
สำหรับโรงพิมพ์เองก็เช่นกันจำเป็นต้องก้าวสู่อุตสาหกรรม 4.0 ระบบงานพิมพ์ทุกขั้นตอนก็ต้องปรับสู่ระบบดิจิตอลต้องใช้ระบบอินเทอร์เน็ตส่งงาน ระบบงานต้องปรับใหม่ทีจะต้องสามารถรองรับการพิมพ์งานตามคำสั่งซื้อได้ในจำนวนที่ลูกค้าต้องการ หรือ Print on Demand และมีความหลากหลายในรูปแบบรวมถึงการสามารถออกแบบดีไซน์ให้แก่ลูกค้าได้ซึ่งถ้าปรับได้เช่นนี้จึงจะอยู่รอด