xs
xsm
sm
md
lg

“อาลีบาบา” หนุนสินค้าไทย ปรับเป้าสมาชิก-รายได้เพิ่มขึ้นเท่าตัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

(จากซ้ายไปขวา) ดร.อมร มีมะโน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คราวน์ เทค แอดวานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ AJD, นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารจัดการทางการเงินเพื่อธุรกิจ ธนาคารกรุงไทย และนายเจอรี่ วู ผู้จัดการประจำประเทศไทย www.alibaba.com
ผู้จัดการรายวัน 360 - เว็บไซต์อี-คอมเมิร์ซอันดับหนึ่งของโลก www.alibaba.com เดินเกมขยายตลาดสินค้าไทย หลังแต่งตั้ง AJD เป็นตัวแทนผู้ให้บริการสมัครสมาชิกในไทย ล่าสุดดึงธนาคารกรุงไทยร่วมเป็นพันธมิตรสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าสู่แพลตฟอร์มดิจิตอล พร้อมปรับเป้าสมาชิกปี 59 เพิ่มขึ้นเป็น 1 หมื่นคน และรายได้ขั้นต่ำ 500 ล้านบาท จากเดิมที่กำหนดยอดสมาชิก 5 พันคน และรายได้ 250 ล้านบาท

ดร.อมร มีมะโน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คราวน์ เทค แอดวานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ AJD ผู้จัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ “AJ” เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯ ได้รับแต่งตั้งจาก บริษัท อาลีบาบากรุ๊ป จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจเว็บไซต์อี-คอมเมิร์ซอันดับหนึ่งของโลก ให้เป็นตัวแทนผู้ให้บริการสมัครสมาชิกของเว็บไซต์ www.alibaba.com นอกประเทศจีนเป็นลำดับที่ 6 รองจากอินเดีย ตุรกี อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม เมื่อต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ล่าสุดบริษัทฯ และบริษัท อาลีบาบากรุ๊ป จำกัด ได้ร่วมลงนามข้อตกลงกับธนาคารกรุงไทย เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยในการขยายช่องทางธุรกิจด้านอี-คอมเมิร์ซในลักษณะธุรกิจต่อธุรกิจ หรือ B2B ผ่านเว็บไซต์ www.alibaba.com ส่งผลให้บริษัทฯ ขยายเป้าหมายจำนวนสมาชิกและรายได้ในปี 2559 เพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัวจากเดิมที่วางเป้าสมาชิกไว้ที่ 5 พันราย พร้อมรายได้ 250 ล้านบาท เพิ่มเป็นสมาชิก 1 หมื่นรายและรายได้ขั้นต่ำ 500 ล้านบาท โดยยังคงเรียกเก็บค่าสมาชิกตั้งแต่ 4 พันบาทขึ้นไปจนถึง 2 แสนบาท

นายเจอรี่ วู ผู้จัดการประจำประเทศไทย www.alibaba.com กล่าวว่า สินค้าไทยเป็นที่ต้องการและอยู่ในอันดับต้นๆ ที่ได้รับการค้นหาจากผู้ซื้อทั่วโลกผ่านทางเว็บไซต์ www.alibaba.com โดยเฉพาะอาหาร เครื่องนอนและผลิตภัณฑ์จากยางพารา สินค้างานฝีมือ และเครื่องประดับ

การร่วมลงนามข้อตกลงครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยสามารถเข้าถึงข้อมูลการค้าระหว่างประเทศผ่านดิจิตอลแพลตฟอร์มของ “อาลีบาบา กรุ๊ป” รวมถึงสนับสนุนบริการต่างๆ และระบบลอจิสติกส์เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและการสร้างยอดขาย ตลอดจนเป็นการส่งเสริมผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถ (Talent) ให้สามารถขยายช่องทางการค้าได้อย่างมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น

ปัจจุบัน “อาลีบาบา กรุ๊ป” มีสมาชิกกว่า 100 ล้านรายใน 240 ประเทศทั่วโลก โดยในส่วนของประเทศไทยมีผู้ทำธุรกรรมซื้อขายผ่านเว็บไซต์ www.alibaba.com ประมาณ 1 แสนราย แต่มีผู้สมัครเป็นสมาชิกเพียง 1 พันรายเท่านั้น การร่วมลงนามข้อตกลงครั้งนี้จึงมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนสมาชิกและรายได้ในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้สอดรับกับนโยบายของ นายแจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ www.alibaba.com ในการปรับสัดส่วนรายได้ในประเทศจีนและต่างประเทศเป็น 50:50 ในเร็วๆ นี้ จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนในประเทศจีน 98% และต่างประเทศ 2%

นายเจอรี่ วู กล่าวด้วยว่า จากเป้าหมายการเพิ่มจำนวนสมาชิกในประเทศไทยครั้งนี้ “อาลีบาบา กรุ๊ป” ได้ให้การสนับสนุนงบประมาณการตลาดแก่ AJD เพิ่มขึ้นจากเดิมที่กำหนดไว้ 5% ของรายได้ พร้อมให้รายได้แก่ AJD ในสัดส่วน 15-40% จากค่าสมาชิกรายปี โดยกำหนดแนวทางใหม่ในการทำตลาดด้วยการฝึกอบรมพนักงานขายและผู้สนใจสมัครเป็นสมาชิก โดยมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้วยการลดจำนวนผู้เข้ารับการอบรมให้น้อยลงและเพิ่มจำนวนครั้งให้มากขึ้น จากเดิมที่มีมากถึง 300-400 คนเป็นครั้งละประมาณ 100 คน

ด้าน นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารจัดการทางการเงินเพื่อธุรกิจ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เป้าหมายการรับสมัครสมาชิกอาลีบาบาจำนวน 1 หมื่นคนในปี 2559 กำหนดจากพื้นฐานจำนวนสาขาของธนาคารที่มีมากกว่า 1 พันแห่งทั่วประเทศ แยกสัดส่วนเป็นกลุ่มลูกค้าของธนาคารที่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 20-30% และผู้ประกอบการอื่นๆ และผู้สนใจทั่วไป 70-80%

“ธนาคารฯ ไม่ได้กำหนดประเภทธุรกิจอุตสาหกรรมใดเป็นการเฉพาะในการสมัครเป็นสมาชิกอาลีบาบา เนื่องจากประเทศไทยมีธุรกิจที่หลากหลาย แต่ยังไม่มีอุตสาหกรรมประเภทใดที่สามารถทำรายได้สูงถึง 17% จากอัตราการเติบโตทาง GDP ของประเทศ จึงมองว่าเป็นโอกาสที่ดีของธุรกิจทุกประเภทที่จะใช้ช่องทางอี-คอมเมิร์ซของอาลีบาบาในการขยายโอกาสการค้าบนโลกดิจิตอล” นายทรงพลกล่าวในที่สุด



กำลังโหลดความคิดเห็น