ผู้จัดการรายวัน 360 - อากาศร้อนจัดดันตลาดรวมแอร์ในไทยพุ่งทะยาน 20% ช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ ทุบสถิติครั้งแรกรอบ 4 ปี เผยอินเวอร์เตอร์เริ่มเติบโตดี “พานาโซนิค” จัดเต็มหวังขึ้นแท่นที่ 3 ตลาดรวม และที่ 2 ในตลาดอินเวอร์เตอร์
นายได นิชิ ผู้จัดการทั่วไป ส่วนการตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศ บริษัท พานาโซนิค เอ.พี.เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรวมเครื่องปรับอากาศในไทยปี 2559 นี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 15% หรือมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 28,000 ล้านบาท หรือประมาณ 1.4 ล้านยูนิต จากปีที่แล้วที่มีอัตราการเติบโตเพียง 5% เท่านั้น จากฐานมูลค่าตลาดรวมประมาณ 24,000 ล้านบาท หรือประมาณ 1.2 ล้านยูนิต ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดในรอบ 4 ปีของตลาดแอร์ในไทย และสูงที่สุดของพานาโซนิคด้วย
ทั้งนี้ ในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-พ.ค. 59) พบว่าตลาดรวมมีการเติบโตประมาณ 20% ขณะที่พานาโซนิคเติบโตมากถึง 70% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเติบโตแค่ 5% เท่านั้น และพานาโซนิคก็เติบโต 40% อีกทั้งเดือนมีนาคมและเดือนเมษายนที่ผ่านมาก็ถือเป็นสองเดือนที่พานาโซนิคทำลายสถิติยอดขายสูงสุดด้วยในแง่จำนวน
โดยหากมองเฉพาะตลาดแอร์ระบบอินเวอร์เตอร์ซึ่งเป็นแอร์ประหยัดไฟ และเริ่มมีการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดมากขึ้น เริ่มมีการเติบโตในทิศทางที่ดีเนื่องจากปัจจุบันราคาแอร์อินเวอร์เตอร์กับที่ไม่ใช่อินเวอร์เตอร์ราคาห่างกันไม่มากประมาณ 2,000 กว่าบาทต่อรุ่นเท่านั้นเอง แต่มีประสิทธิภาพที่ดีกว่า แต่ก็เป็นตลาดที่เติบโตในกรุงเทพฯ เป็นหลัก
ทั้งนี้ ตลาดแอร์อินเวอร์เตอร์ 5 เดือนแรกที่ผ่านมาตลาดรวมเติบโต 30% ส่วนพานาโซนิคเติบโต 160% มากกว่าตลาดรวมและมากกว่าแอร์ที่ไม่ใช่อินเวอร์เตอร์ของพานาโซนิคที่เติบโต 50% โดยปีที่แล้วสัดส่วนของตลาดแอร์อินเวอร์เตอร์มีประมาณ 20% ของตลาดแอร์รวม คาดว่าปีนี้สัดส่วนอินเวอร์เตอร์รวมจะเพิ่มเป็น 25% ของตลาดแอร์รวม
เนื่องจากในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาถือเป็นหน้าขายมีสัดส่วนการขายมากกว่า 60% ของตลาดแอร์โดยรวม อีกทั้งยังมีปัจจัยหลายอย่างสนับสนุน คือ อากาศที่ร้อนอย่างมากในช่วงมีนาคม-เมษายน การแข่งขันของผู้ประกอบการในการนำเสนอสินค้ารุ่นใหม่ๆ การทำตลาดโปรโมชันต่างๆ ขณะที่พานาโซนิคเติบโตดีเพราะมีการเปิดตัวแอร์รุ่นใหม่ 5 ซีรีส์ จำนวน 19 รุ่น โดยมีรุ่นที่เป็นอินเวอร์เตอร์ 11 รุ่น แยกเป็น สกายซีรีส์อินเวอร์เตอร์ 3 รุ่น และแอร์ธรรมดาที่เป็นอินเวอร์เตอร์ 8 รุ่น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดแอร์จะเติบโตดี แต่อัตราการถือครองแอร์ของคนไทยยังต่ำมากเพียงแค่ 2% เท่านั้น ซึ่งยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัด ซึ่งที่ผ่านมาพานาโซนิคก็มีการเติบโตในต่างจังหวัดที่ดีกว่ากรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยมีสัดส่วนจากช่องทางขายที่เป็นห้างสรรพสินค้า 50% และโมเดิร์นเทรด 50% และไทยเป็นตลาดที่แอร์มีการเติบโตในด้านยูนิตมากที่สุดในอาเซียน รองลงมาคือ เวียดนาม และอินโดนีเซีย ส่วนในแง่ของตลาดที่ใหญ่ที่สุดคือ อินโดนีเซียอันดับที่หนึ่ง รองลงมาคือ เวียดนาม และไทย ขณะที่เมื่อเปรียบเทียบกับสินค้าอื่นอย่างเช่น เครื่องซักผ้าหรือตู้เย็น อัตราการถือครองจะเกินกว่า 50% ของจำนวนครัวเรือนไปแล้ว
สำหรับแผนการรุกตลาดครึ่งปีหลังนี้จะใช้งบตลาดรวม 100 ล้านบาททั้งปี เพิ่มจากปีที่แล้วใช้ 50 ล้านบาท แต่ยังไม่มีการออกแอร์รุ่นใหม่ จะมุ่งเน้นการจัดกิจกรรมคาราวานโรดโชว์เพื่อนำเสนอให้ผู้บริโภครู้ถึงประสิทธิภาพของแอร์พานาโซนิคโดยเฉพาะระบบสกายซีรีส์ ซึ่งจะมีรถทรัก 2 คันในการโรดโชว์ ครึ่งปีแรกทำไปแล้วเกือบ 20 แห่ง ครึ่งปีหลังจะทำอีก 20 แห่งทั่วประเทศ รวมทั้งเน้นการขายผ่านช่องทางห้างสรรพสินค้า และดีลเลอร์ที่มีมากกว่า 200 รายทั่วประเทศ การจัดหน้าร้านให้ดีลเลอร์
ส่วนระดับราคาแอร์ของพานาโซนิคยังไม่มีการปรับราคา โดยรุ่นสกายซีรีส์ ระดับ ราคา 33,900 บาทขึ้นไป กลุ่มพรีเมียมราคา 25,500-49,300 บาท กลุ่มสแตนดาร์ด ราคา 18,900-42,800 บาท
นายไดยังกล่าวให้ความเห็นด้วยว่า ในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มว่าผู้ประกอบการหลายรายอาจจะนำแอร์อินเวอร์เตอร์มาปรับลดราคาลงเพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงที่ไม่ใช่หน้าขายหลัก เพื่อกระตุ้นและดึงดูดลูกค้าให้ซื้ออินเวอร์เตอร์มากขึ้นกว่าเดิม เพราะว่าตลาดอินเวอร์เตอร์ในไทยยังน้อยอยู่มาก
สำหรับเป้าหมายปีนี้ พานาโซนิคต้องการก้าวขึ้นมาเป็นอันดับที่สามในตลาดรวมให้ได้ด้วยส่วนแบ่งกว่า 17% จากปัจจุบันสิ้นปีที่มีแชร์ 15% โดยท็อปไฟว์ในตลาดปีที่แล้วคือ มิตซูบิชิ, ซัมซุง, ไดกิ้น, พานาโซนิค และแอลจี ส่วนในกลุ่มแอร์อินเวอร์เตอร์ ท็อปไฟว์คือ ไดกิ้น, มิตซูบิชิ, ซัมซุง, พานาโซนิค และแอลจี ซึ่งพานาโซนิคมีแผนที่จะขึ้นมาเป็นอันดับที่สองในกลุ่มแอร์อินเวอร์เตอร์