สนพ. กองทุนอนุรักษ์พลังงาน จับมือ ส.อ.ท.เดินหน้าลดใช้พลังงานให้ SMEs หวังช่วยลดต้นทุนค่าไฟ 500,000 บาทต่อแห่งต่อปี พร้อมรับคะแนนสะสมเป็น Energy Point แลกรับคำปรึกษาด้านพลังงาน หรือสิทธิประโยชน์อื่น เช่น ส่วนลดค่าอุปกรณ์ประหยัดพลังงานและค่าติดตั้ง เริ่ม 1 กรกฎาคม นี้
นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่าการลดใช้พลังงานในภาคอุตสาหกรรมโดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในปี 2559-2560 นั้น สนพ.มีแนวทางช่วยเหลือโดยได้นำเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสนับสนุนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท.ไว้แล้ว เป็นการจัดบริการผ่าน 18 ศูนย์การเผยแพร่แนวทางการอนุรักษ์พลังงานในภาคอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ใน 18 กลุ่มจังหวัด ด้วยการนำสาระและความรู้วิธีประหยัดพลังงานทั้งแนวทางง่ายๆ ที่นำไปประยุกต์ใช้ด้วยตนเองและจัดทีมผู้เชี่ยวชาญเข้าไปให้คำแนะนำกับ SMEs ให้ทั่วถึงทั้งประเทศ และตั้งใจจะรวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานและด้านอุตสาหกรรมในแต่ละกลุ่มจังหวัดเข้ามาร่วมเป็นเครือข่ายสร้างองค์ความรู้ จัดทำคู่มือ และถ่ายทอดเทคนิคให้กับรุ่นสู่รุ่น หวังให้เกิดความยั่งยืนในการพัฒนาคำแนะนำแก่ผู้ประกอบการทุกภูมิภาค
สำหรับโปรแกรมลดการใช้พลังงานในภาคอุตสาหกรรม SMEs ในปี 2559-2560 นี้ ส.อ.ท.จะนำรูปแบบการสะสมคะแนนมาเป็นแรงจูงใจ SMEs ให้ดำเนินกิจกรรมการอนุรักษ์พลังงานด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง โดยเรียกว่า Energy Points คะแนนสะสมจะได้จากกิจกรรมอนุรักษ์พลังงานต่างๆ เช่น การประกาศนโยบาย การแต่งตั้งทีมอนุรักษ์พลังงาน การนำวิธีอนุรักษ์พลังงานที่ได้รับจากการอบรมไปทำจริง ฯลฯ มูลค่าของคะแนนขึ้นอยู่กับความยากง่ายของมาตรการ โดยคะแนนที่สะสมได้สามารถนำไปแลกเป็นคำปรึกษาด้านพลังงาน ซึ่งปกติจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 10,000 บาทต่อครั้งต่อแห่ง หรือใช้แลกสิทธิประโยชน์อื่น เช่น ส่วนลดร้อยละ 30 ของค่าอุปกรณ์ประหยัดพลังงานและค่าติดตั้ง มูลค่า 300,000 บาท/แห่ง ตัวอย่างเช่น การหุ้มฉนวนระบบไอน้ำ การเปลี่ยนหลอดไฟฟ้าแสงสว่าง การปรับคุณภาพน้ำด้วยโอโซน การใช้ Economizer, Capacitor bank, Heat Pump, Absorption chiller เป็นต้น คาดว่าจะสามารถเข้าถึง SMEs ไม่น้อยกว่า 500 แห่ง เกิดผลประหยัดการใช้ไฟฟ้าได้ 60 ล้านหน่วยต่อปี คิดเป็นมูลค่า 240 ล้านบาท หรือลดการใช้น้ำมันดีเซลได้ 6 ล้านลิตรต่อปี คิดเป็นมูลค่า 120 ล้านบาท
“ปีนี้ได้ใช้วิธีการเข้าถึง SMEs ทั้ง Push and Pull คือยังคงกระตุ้นและผลักดัน (Push) ด้วยการให้สาระความรู้ สนับสนุนเงินลงทุน พร้อมๆ กับสร้างแรงจูงใจ (Pull) ด้วยการให้คะแนนผู้ที่นำความรู้ไปลงมือปฏิบัติจริง ยิ่งทำมากยิ่งได้คะแนนมาก เพื่อใช้แลกเงินสนับสนุนการลงทุน และ SMEs จะเห็นว่าเขาเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์โดยตรงทั้งด้านต้นทุนพลังงานที่ลดลงและคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นด้วย โดยประหยัดเงินลงทุนบางส่วนจาก Energy Poin โครงการนี้จะเริ่มเปิดรับส่มัครในวันที่ 1 กรกฎาคม 2559 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2560 SMEs ที่สนใจศึกษารายละเอียดทาง www.iie.or.th หรือติดต่อกับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โทรศัพท์ 0-2345-1252 หรือศูนย์การเผยแพร่ข้อมูลด้านการอนุรักษ์พลังงานในพื้นที่ของท่าน” นายทวารัฐกล่าว