xs
xsm
sm
md
lg

“อภิรดี” นำทัพทวงคืนตลาดข้าวไทย ประเดิมฮ่องกงก่อนรุกต่อประเทศอื่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ระหว่างวันที่ 5-7 เม.ย.2559 ที่ผ่านมา นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้นำคณะผู้แทนการค้าภาครัฐ และเอกชนไทยเดินทางไปจัดกิจกรรมขยายตลาดส่งออกข้าวไทย ที่เขตบริหารพิเศษฮ่องกง มีเป้าหมายหลักเพื่อทวงคืนตลาดข้าวไทยในฮ่องกงกลับคืนมา หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ไทยเคยเสียส่วนแบ่งตลาดข้าวให้แก่ประเทศคู่แข่งในช่วงที่มีการใช้นโยบายจำนำข้าว ทำให้ข้าวไทยแพง และสู้ราคาข้าวของคู่แข่งไม่ได้

ในการเดินทางไปครั้งนี้ นางอภิรดี บอกว่า ได้ตั้งเป้าไว้ในใจก่อนที่จะเดินทางไป โดยอยากจะผลักดันให้ส่วนแบ่งตลาดข้าวไทยในฮ่องกงปีนี้กลับมาเป็น 65% ให้ได้ เพราะตั้งแต่เดือน พ.ค.2557 หลังจากที่รัฐบาลชุดนี้ได้เข้ามาบริหารประเทศ ได้ตามคืนส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 57% ในปี 2558 จากที่ลดลงไปเหลือแค่ 49% ในปี 2557 เพราะตอนนั้นราคาข้าวไทยสู้ราคาคู่แข่งไม่ได้ ทั้งๆ ที่คุณภาพข้าวไทยดีกว่า

ช่วงที่เดินทางไปถึง นางอภิรดี ได้เริ่มกิจกรรมโปรโมตข้าวไทยทันที โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ ฮ่องกง ได้ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ในงาน Discover Thai Taste 2016 ที่โรงแรม Mira ระหว่างวันที่ 5-30 เม.ย. 2559 โดยได้ร่วมกับโรงแรมจัดเมนูข้าวไรซ์เบอร์รี่เสิร์ฟให้ลูกค้าเพื่อให้ทดลองชิม และยังได้จัดนิทรรศการแสดงข้าวไรซ์เบอร์รี่เพื่อให้ผู้บริโภคได้รู้จักด้วย

“กระทรวงพาณิชย์ มีแผนส่งเสริมให้คนทั่วโลกได้รู้จักคุณค่าการบริโภคข้าวไทย โดยเฉพาะข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวเกษตรอินทรีย์ เพราะจากการสำรวจหลายประเทศทั่วโลกหันมาใส่ใจในสุขภาพตนเองกันมากขึ้น จึงเป็นโอกาสที่ไทยในฐานะเป็นผู้ผลิตอาหาร และพืชเศรษฐกิจสำคัญของโลก จะผลักดันการส่งออกข้าวชนิดใหม่ๆ ป้อนความต้องการของตลาดโลก โดยนอกจากการโปรโมตที่ฮ่องกงแล้ว ยังมีแผนไปโปรโมตขยายตลาดในญี่ปุ่น จีน สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปด้วย”

นางอภิรดี กล่าวว่า เพื่อเป็นการรองรับความต้องการข้าวไรซ์เบอร์รี่ และข้าวสีชนิดอื่นๆ รวมถึงข้าวอินทรีย์ต่างๆ กระทรวงฯ ได้มีแผนที่จะร่วมมือกับเกษตรกรในการส่งเสริมการเพาะปลูก พัฒนากระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิต ป้อนความต้องการที่จะมีมากขึ้น เพราะทั้งข้าวไรซ์เบอร์รี่ และข้าวอินทรีย์ถือเป็นข้าวชนิดพิเศษของไทยที่มีคุณสมบัติ มีคุณภาพดีกว่าข้าวชนิดอื่นๆ และที่สำคัญยังไม่มีคู่แข่งไหนผลิตได้ดีเท่าไทย จึงเชื่อมั่นว่า หากขยายตลาดข้าวชนิดนี้ได้เพิ่มขึ้นก็จะทำให้รายได้ของเกษตรกรไทยมีมากขึ้น

วันถัดมา นางอภิรดี ได้เดินทางไปรับฟังผลการประชุมร่วมระหว่างสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กับผู้นำเข้าข้าวฮ่องกง 3 สมาคม ที่ Chinese General Chamber of Commerce ซึ่งภาคเอกชนได้มีการหารือเกี่ยวกับแผนการตลาด และส่งเสริมประชาสัมพันธ์ข้าวไทย ประจำปี 2559 และแผนการประชาสัมพันธ์ข้าวชนิดอื่นๆ ของไทย เช่น ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวหอมนิล ข้าวอินทรีย์ เป็นต้น ซึ่งทางผู้นำเข้าฮ่องกงได้ตอบรับ และพร้อมที่จะร่วมมือในการประชาสัมพันธ์ข้าวไทย

นางอภิรดี กล่าวว่า หลังจากที่ได้หารือกันแล้วได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) การซื้อขายข้าวไทยระหว่างผู้ส่งออกข้าวไทย และผู้นำเข้าข้าวฮ่องกง จำนวน 7 คู่สัญญา โดยมีปริมาณการซื้อขายประมาณ 1.5 แสนตัน ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่า ทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมือกันอย่างแน่นแฟ้น เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการค้าข้าวระหว่าง 2 ประเทศให้เพิ่มขึ้น

“ตั้งแต่ปี 2555-2558 ฮ่องกงนำเข้าข้าวเฉลี่ยปีละ 3.35 แสนตัน โดยนำเข้าจากไทย เวียดนามและจีน การเซ็นสัญญาซื้อขายข้าว 1.5 แสนตันในครั้งนี้ ก็เกือบจะครึ่งหนึ่งของปริมาณที่ฮ่องกงนำเข้า ยังไม่รวมกับการซื้อขายของเอกชนรายอื่นๆ อีก จึงมั่นใจว่าในปีนี้ไทยจะดึงส่วนแบ่งตลาดข้าวของไทยในฮ่องกงกลับคืนมาได้เป็น 65% แน่นอน”

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการขอบคุณผู้นำเข้าฮ่องกงที่ได้มีการนำเข้าข้าวไทย และมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระทรวงฯ ยังได้มอบรางวัล Best Import Performance of Thai Award 2015 ให้แก่ผู้นำเข้า จำนวน 8 ราย เพื่อสร้างความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น และยังคงมีการนำเข้าข้าวไทยต่อไป

นางอภิรดี กล่าวว่า สำหรับการหารือกับนาย Gregory So Kam-leung รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและพัฒนาเศรษฐกิจของฮ่องกง ได้หารือถึงแนวทางการขยายตลาดข้าวไทย และสินค้าอื่นๆ ของไทยในฮ่องกง และยังขอขอให้ฮ่องกงสนับสนุนการลงทุนของ SMEs ไทยในฮ่องกง รวมถึงหารือถึงความคืบหน้าการจัดทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) อาเซียน-ฮ่องกง ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายต้องการผลักดันให้การเจรจาเสร็จภายในปี 2559 นี้

“ไทยได้ยืนยันต่อทางฮ่องกงว่า ขอให้เชื่อมั่นในคุณภาพของข้าวไทย ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญต่อการรักษามาตรฐานข้าวที่ดีต่อไป และไทยกำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงมาตรฐานข้าวหอมมะลิ โดยจะมีเพียงมาตรฐานเดียวที่ 92% และจะมีมาตรฐานข้าวหอมชนิดอื่นออกมาด้วยเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ซื้อ ซึ่งจะทำให้ไทยทำตลาดข้าวหอมมะลิ และข้าวหอมชนิดอื่นๆ ทั้งข้าวหอมปทุมธานี ข้าวหอมจังหวัดได้ดีขึ้น” นางอภิรดี กล่าว

นางอภิรดี กล่าวว่า การเดินทางไปประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในฮ่องกงครั้งนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ เพราะทำให้มั่นใจว่า ข้าวไทยจะเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดฮ่องกงได้ต่อไป ซึ่งกระทรวงฯ ยังคงมีแผนที่จะเดินทางไปประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในตลาดอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะข้าวคุณภาพสูงอย่างข้าวหอมมะลิไทย และข้าวชนิดพิเศษที่เป็นข้าวชนิดใหม่ของไทย โดยเฉพาะข้าวสี ข้าวอินทรีย์ ที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาด

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการเดินทางไปครั้งนี้ นางอภิรดี ได้เดินทางไปสำรวจตลาดยังห้างสรรพสินค้า และซูเปอร์มาร์เกต โดยพบว่า ในส่วนของข้าวไทยมีการวางจำหน่ายในจุดที่โดดเด่น เพื่อให้ง่ายต่อการซื้อ เพราะผู้บริโภคชาวฮ่องกงมีความมั่นใจในข้าวไทย และยังพบว่า ราคาจำหน่ายข้าวไทยสูงกว่าราคาข้าวของประเทศอื่นๆ แต่ก็ยังขายได้ จากการที่ข้าวไทยมีคุณภาพ และมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ

“ต่อไปจะผลักดันให้ข้าวสีชนิดต่างๆ ข้าวอินทรีย์ของไทยเข้าสู่ช่องทางการจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า และซูเปอร์มาร์เกตให้เพิ่มมากขึ้น เพราะหลังจากที่กระทรวงฯ ได้ทำแผนการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้ จะทำให้มีความต้องการเพิ่มขึ้น”

ขณะเดียวกัน ยังพบว่า ผลไม้ไทยหลายๆ ชนิดได้เจาะเข้าสู่ตลาดฮ่องกงได้เพิ่มขึ้น เช่น ทุเรียน มังคุด ฝรั่ง มะปราง เงาะ กล้วย มะละกอ มะขาม ส้มโอ เป็นต้น โดยราคาจำหน่ายแพงกว่าที่ประเทศไทย 2-3 เท่าตัว ซึ่งถือเป็นสินค้าที่มีโอกาสในการขยายตลาดได้เพิ่มขึ้น รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคที่สินค้าไทยได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
กำลังโหลดความคิดเห็น