ผู้จัดการรายวัน 360 - “ทีเส็บ-สถาบันปิดทองหลังพระฯ-สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวฯ-สมาคมส่งเสริมการประชุมฯ” ร่วมใจจัดโครงการ “ประชุมเมืองไทย อิ่มใจ ตามรอยพระราชดำริ” เฉลิมฉลองปีแห่ง 3 ปีติ สานต่อพระราชปณิธานของทั้งสองพระองค์ พร้อมขับเคลื่อนประชารัฐตามนโยบายรัฐบาลมุ่งส่งเสริมตลาดการจัดประชุมสัมมนาภายในประเทศ สร้างการเรียนรู้จากโครงการพระราชดำริทั่วประเทศ เพื่อต่อยอดนำความรู้ไปพัฒนาองค์กรและบุคลากร
นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” เปิดเผยว่า เนื่องในปี 2559 เป็นปีแห่ง 3 ปีติ ซึ่งจะมีงานเทิดพระเกียรติยิ่งใหญ่ถึง 3 งาน คือ ครบรอบ 70 ปี ครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา และ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเฉลิมพระชนมพรรษา 88 พรรษา “ทีเส็บ” จึงร่วมกับ สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ, สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) และสมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) หรือ “ทิก้า” จัดโครงการ “ประชุมเมืองไทย อิ่มใจ ตามรอยพระราชดำริ” เพื่อร่วมเทิดพระเกียรติและเป็นส่วนหนึ่งในการสานต่อพระราชปณิธานของทั้งสองพระองค์ และเป็นการส่งเสริมการจัดประชุมสัมมนาในประเทศสนับสนุนการเรียนรู้องค์ความรู้อันทรงคุณค่าจากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาบุคลากรและองค์กรต่อไป
“ทีเส็บ” ได้กำหนดแนวทางส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลผ่านการขับเคลื่อนโครงการประชารัฐที่ต้องการให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาชน ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยจะดำเนินการผ่าน 2 แนวทาง คือ มุ่งเน้นการกระจายรายได้และยกระดับรายได้ด้วยธุรกิจไมซ์ภายในประเทศ เริ่มด้วยมาตรการ Quick Win ส่งเสริมการประชุมและสัมมนาในประเทศ โดยเน้น “New Destination” สถานที่จัดประชุมใหม่ๆ สำหรับรองรับกลุ่มการประชุมสัมมนาภายในประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่โครงการพระราชดำริ พร้อมนำเสนอ “Quick Win Promotion” ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณ เพื่อกระตุ้นกลุ่มเป้าหมายในการจัดประชุมสัมมนาและกิจกรรมต่างๆ ขององค์กร อาทิ การสร้างความสัมพันธ์กลุ่ม (Team Building) ตลอดจนการจัดทำกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือสังคม (CSR)
ส่วนแนวทางที่สอง คือ มุ่งสร้างความยั่งยืนของการดำเนินธุรกิจไมซ์ซึ่งนับเป็นมาตรการระยะกลางและระยะยาว โดยรัฐบาลจะเน้นการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจไมซ์ด้วยการเพิ่มศูนย์ประชุมนานาชาติ รวมทั้งสิทธิประโยชน์ต่างๆ ในกลุ่มจังหวัด การเพิ่มพื้นที่ใหม่ๆ สำหรับการจัดกิจกรรม และการเพิ่มสินค้าและบริการในท้องถิ่น รวมทั้งการปรับปรุงกฎหมาย ข้อระเบียบเพื่อส่งเสริมกิจกรรมด้านไมซ์และการท่องเที่ยว
นายนพรัตน์กล่าวด้วยว่า โครงการ “ประชุมเมืองไทย อิ่มใจ ตามรอยพระราชดำริ” เป็นกิจกรรมหลักอันหนึ่งในการขับเคลื่อนประชารัฐภายใต้แคมเปญ “ประชุมเมืองไทยภูมิใจช่วยชาติ” โดยมีการคัดเลือกโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและโครงการส่วนพระองค์ที่มีความพร้อมรองรับกลุ่มประชุมสัมมนาเข้าร่วมกว่า 30 แห่งทั่วประเทศ โดย “ทีเส็บ” กำหนดจัดแฟมทริปประชาสัมพันธ์โครงการรวม 12 เส้นทางใน 4 ภูมิภาค ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ประจวบคีรีขันธ์ นครพนม สกลนคร ราชบุรี เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน นครศรีธรรมราช อยุธยา และอ่างทอง
“ทีเส็บยังร่วมกับ สทน. และทิก้า จัดแพกเกจการประชุมเพื่อส่งเสริมตลาด พร้อมทั้งให้การสนับสนุนงบประมาณในการเดินทางแก่องค์กรธุรกิจที่ประสงค์จัดการประชุมสัมมนาในประเทศ ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด อาทิ กลุ่มขนาด 50 คนขึ้นไป ให้การสนับสนุน 2 หมื่นบาท และสูงสุดไม่เกิน 2.1 แสนบาทสำหรับกลุ่มมากกว่า 350 คน โดยคาดว่าโครงการนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันอุตสาหกรรมไมซ์ภายในประเทศ ในปีงบประมาณ 2559 ให้เติบโตขึ้นทั้งด้านปริมาณและรายได้ ประมาณร้อยละ 5 หรือคิดเป็นจำนวนนักเดินทางไมซ์ในประเทศ 24 ล้านคน ทำรายได้ 4.7 หมื่นล้านบาท” นายนพรัตน์กล่าวในที่สุด
ด้าน นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ กล่าวว่า สถาบันปิดทองหลังพระฯ มีความยินดีที่ได้ร่วมงานกับ “ทีเส็บ” อีกครั้ง หลังจากที่ได้ร่วมกันทำกิจกรรมปิดทองหลังพระและกิจกรรม “ไปไหนไปกัน” มาแล้ว โดยแต่ละกิจกรรมทำให้เกิดการท่องเที่ยวทัศนศึกษาโครงการพระราชดำริไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคน เพราะโครงการพระราชดำริจำนวนมากมีทั้งความสวยงาม มีเรื่องราว และมีสินค้าที่ระลึกครบถ้วน เหมาะสมต่อการไปเยี่ยมชมได้ในทุกภาคของประเทศ
“งานในลักษณะนี้ทำให้เกิดประโยชน์หลายด้าน เช่น ทีเส็บ ได้สร้างมิติใหม่สำหรับการประชุมและนิทรรศการ โดยนำโครงการพระราชดำริเข้ามาเสริมการประชุมทางธุรกิจ เพิ่มมูลค่าด้านการพักผ่อนเรียนรู้ สอดคล้องกับงานของปิดทองหลังพระฯ ซึ่งมีหน้าที่ส่งเสริมการพัฒนาตามแนวพระราชดำริ ที่สำคัญคือเมื่อเกิดการเข้าใจ ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามแนวพระราชดำริอย่างกว้างขวางแล้วจะช่วยให้ประเทศไทยพัฒนาได้ดีในอนาคต” นายการัณย์กล่าว
นายยุทธชัย สุนทรรัตนเวช นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) กล่าวถึงความร่วมมือในการจัดทำโครงการนี้ว่า สทน.จะดำเนินงานใน 2 ส่วน คือ ผลิตรายการนำเที่ยวและการจัดประชุมสัมมนาไปยังโครงการพระราชดำริที่เข้าร่วมอยู่ในโครงการ จำนวนประมาณ 20 รายการ โดยนำเสนอขายผ่านเครือข่ายสมาชิกและพันธมิตรของ สทน. รวมกว่า 400 ราย
สทน.ยังจะสนับสนุนให้บริษัทองค์กรห้างร้านต่างๆ ได้รับรู้ถึงสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับจากการเข้าร่วมโครงการนี้ ตลอดจนส่งเสริมให้มีการจัดกิจกรรมต่างๆ ขององค์กรทั้งที่จัดให้พนักงาน หรือคู่ค้าทางธุรกิจได้ไปทำกิจกรรมเรียนรู้ในพื้นที่โครงการพระราชดำริ เพื่อร่วมเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในปีมหามงคล 3 ปีติ โดย สทน.ประมาณการว่าจะมีนักท่องเที่ยวและผู้ร่วมประชุมสัมมนาเดินทางกับโครงการประมาณ 8,000-15,000 คน สร้างรายได้ 70-100 ล้านบาท
นายยุทธชัยกล่าวในตอนท้ายว่า การจัดโครงการนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาตลาดและสร้างช่องทางการขายให้สมาชิกที่ผ่านการอบรมมาตรฐานบริษัทรับจัดการธุรกิจไมซ์ภายในประเทศ (DMC Standard) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง สทน. กับ “ทีเส็บ” เพื่อพัฒนาคุณภาพงานและเพิ่มจำนวนบริษัทรับจัดการธุรกิจไมซ์ที่ได้มาตรฐานรองรับความต้องการของตลาดได้มากขึ้น