ผู้จัดการรายวัน 360 - “อาร์เอส” ประกาศงบการเงินปี 2558 แรงสวนตลาด มีรายได้รวมทั้งปี 3,728 ล้านบาท กำไรรวมทะลุ 121 ล้านบาท ประกาศจ่ายปันผลหุ้นละ 10 สตางค์ และเตรียมทยอยซื้อหุ้นคืนเริ่มวันที่ 25 ก.พ.นี้ หลังราคาหุ้นต่ำเกินจริง
นายดามพ์ นานา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลประกอบการประจำปี 2558 บริษัทฯ มีกำไรรวม 121 ล้านบาท จากรายได้รวม 3,728 ล้านบาท สะท้อนสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง เตรียมทยอยซื้อหุ้นคืนหลังประกาศงบการเงินตามที่ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปก่อนหน้านี้ พร้อมข่าวดีสำหรับผู้ถือหุ้นว่าด้วยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจ่ายปันผล 10 สตางค์ต่อหุ้น โดยเตรียมนำเสนอมติดังกล่าวเข้าที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2558 ในวันที่ 27 เมษายนนี้ เพื่อขออนุมัติเป็นลำดับต่อไป
สำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2558 “ธุรกิจสื่อ” มีรายได้ 2,246 ล้านบาท ลดลง 33% แต่หากไม่นับรวมรายได้การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 รายได้จากธุรกิจโทรทัศน์ยังคงเติบโต 12% “ช่อง 8” และ “ช่อง 2” ที่มีการพัฒนาคุณภาพรายการให้โดนใจผู้ชมอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรตติ้งหรือฐานผู้ชมของทุกช่องเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเฉพาะ “ช่อง 8” มีเรตติ้งหรือฐานผู้ชมส่งท้ายปีครองอันดับ 4 ของประเทศ เติบโตจากตอนต้นปีถึง 87% ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์ทุกเดือน ทำให้ผังรายการมีคุณภาพและความหลากหลาย โดยเฉพาะกลุ่มรายการกีฬาที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งรายการ “8 Max มวยไทย”, “เดอะแชมเปี้ยน มวยไทยตัดเชือก”, “ศึกมวยโลก ช่อง 8 HBO Boxing” และ “UFC มวยกรง 8 เหลี่ยม” รายการข่าวที่เล่าง่าย ดูง่าย เข้าใจง่าย รายการวาไรตี้หลากหลายรูปแบบ และละครซีรีส์ที่สนุกครบรส
ส่วน “ช่อง 2” ได้มีการพัฒนาและปรับคอนเซ็ปต์ของช่องมาเป็น “ช่อง 2 บันเทิงมาเต็ม” โดยเพิ่มสัดส่วนคอนเทนต์ข่าวบันเทิงเป็น 40% เพื่อเกาะติดทุกสถานการณ์บันเทิงของเมืองไทยและต่างประเทศ เสริมด้วยวาไรตี้คอนเทนต์ที่เป็นสีสันของช่อง อย่างรายการ “จุดเดือด” และ “เปิดโปง” รายการข่าวบันเทิงที่มีเนื้อหาเข้มข้นและเจาะลึก และช่วงปลายปียังได้นำละครฮอตฮิตของอาร์เอสมาออกอากาศเพิ่มซึ่งสามารถเรียกความสนใจจากผู้ชมได้เพิ่มมากขึ้น
ด้าน ธุรกิจเพลงและคอนเสิร์ตอีเวนต์มีรายได้รวม 1,171 ล้านบาท เติบโตจากการให้บริการมิวสิก สตรีมมิ่ง (Music Streaming) และยูทิวบ์ (YouTube) และจำนวนคอนเสิร์ตและอีเวนต์ที่เพิ่มมากขึ้น โดยในปีนี้มีกิจกรรมที่จัดตลอดทั้งปี ได้แก่ “สบายดีสัญจรปี 6”, “ช่อง 8 พบเพื่อน” กิจกรรมใหญ่ อาทิ “Beauty Now & Next”, “เที่ยวทั่วไทย ทัวร์ทั่วโลก” เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีคอนเสิร์ตใหญ่ในช่วงต้นปีอย่างคอนเสิร์ต “มหัศจรรย์...ความคิดถึง ดีทูบี อังกอร์ คอนเสิร์ต 2015” ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากอีกด้วย
จากผลประกอบการและสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ประกอบกับราคาหุ้นที่ต่ำเกินจริง บริษัทฯ วางแผนในการทยอยซื้อหุ้นคืนตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ จนถึงวันที่ 24 สิงหาคม 2559 ตามที่ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปก่อนหน้านี้แล้ว และอาร์เอสยังมีอีกหนึ่งข่าวดีสำหรับผู้ถือหุ้น โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติการจ่ายเงินปันผล 10 สตางค์ต่อหุ้น โดยมติในการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวยังจะต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2558ในวันที่ 27เมษายน 2559
“สำหรับทิศทางธุรกิจของอาร์เอสในปี 2559 จะเป็นปีที่บริษัทฯ รุกต่อยอดธุรกิจจากการมีธุรกิจสื่อที่แข็งแรง โดยเราจะนำสื่อที่มีอยู่ในมือไปต่อยอดหารายได้ในช่องทางอื่นๆ เพิ่มขึ้น แต่ก็ยังให้ความสำคัญต่อการพัฒนาคอนเทนต์ในสื่อต่างๆ ของบริษัท ทั้งละครและรายการใน ช่อง 8, ช่อง 2, สบายดีทีวี และคลื่นวิทยุ Cool Fahrenheit 93 นอกจากนี้ยังได้หยุดดำเนินกิจการในธุรกิจที่ไม่ก่อให้เกิดกำไรและไม่สามารถต่อยอดทางธุรกิจได้ เพื่อให้ปี 2559 เป็นปีที่ธุรกิจของอาร์เอสจะมีความชัดเจนสามารถวัดผลได้ทั้งในแง่ของความนิยมและผลกำไร” นายดามพ์กล่าวทิ้งท้าย
นายดามพ์ นานา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลประกอบการประจำปี 2558 บริษัทฯ มีกำไรรวม 121 ล้านบาท จากรายได้รวม 3,728 ล้านบาท สะท้อนสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง เตรียมทยอยซื้อหุ้นคืนหลังประกาศงบการเงินตามที่ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปก่อนหน้านี้ พร้อมข่าวดีสำหรับผู้ถือหุ้นว่าด้วยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจ่ายปันผล 10 สตางค์ต่อหุ้น โดยเตรียมนำเสนอมติดังกล่าวเข้าที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2558 ในวันที่ 27 เมษายนนี้ เพื่อขออนุมัติเป็นลำดับต่อไป
สำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2558 “ธุรกิจสื่อ” มีรายได้ 2,246 ล้านบาท ลดลง 33% แต่หากไม่นับรวมรายได้การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 รายได้จากธุรกิจโทรทัศน์ยังคงเติบโต 12% “ช่อง 8” และ “ช่อง 2” ที่มีการพัฒนาคุณภาพรายการให้โดนใจผู้ชมอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรตติ้งหรือฐานผู้ชมของทุกช่องเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเฉพาะ “ช่อง 8” มีเรตติ้งหรือฐานผู้ชมส่งท้ายปีครองอันดับ 4 ของประเทศ เติบโตจากตอนต้นปีถึง 87% ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์ทุกเดือน ทำให้ผังรายการมีคุณภาพและความหลากหลาย โดยเฉพาะกลุ่มรายการกีฬาที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งรายการ “8 Max มวยไทย”, “เดอะแชมเปี้ยน มวยไทยตัดเชือก”, “ศึกมวยโลก ช่อง 8 HBO Boxing” และ “UFC มวยกรง 8 เหลี่ยม” รายการข่าวที่เล่าง่าย ดูง่าย เข้าใจง่าย รายการวาไรตี้หลากหลายรูปแบบ และละครซีรีส์ที่สนุกครบรส
ส่วน “ช่อง 2” ได้มีการพัฒนาและปรับคอนเซ็ปต์ของช่องมาเป็น “ช่อง 2 บันเทิงมาเต็ม” โดยเพิ่มสัดส่วนคอนเทนต์ข่าวบันเทิงเป็น 40% เพื่อเกาะติดทุกสถานการณ์บันเทิงของเมืองไทยและต่างประเทศ เสริมด้วยวาไรตี้คอนเทนต์ที่เป็นสีสันของช่อง อย่างรายการ “จุดเดือด” และ “เปิดโปง” รายการข่าวบันเทิงที่มีเนื้อหาเข้มข้นและเจาะลึก และช่วงปลายปียังได้นำละครฮอตฮิตของอาร์เอสมาออกอากาศเพิ่มซึ่งสามารถเรียกความสนใจจากผู้ชมได้เพิ่มมากขึ้น
ด้าน ธุรกิจเพลงและคอนเสิร์ตอีเวนต์มีรายได้รวม 1,171 ล้านบาท เติบโตจากการให้บริการมิวสิก สตรีมมิ่ง (Music Streaming) และยูทิวบ์ (YouTube) และจำนวนคอนเสิร์ตและอีเวนต์ที่เพิ่มมากขึ้น โดยในปีนี้มีกิจกรรมที่จัดตลอดทั้งปี ได้แก่ “สบายดีสัญจรปี 6”, “ช่อง 8 พบเพื่อน” กิจกรรมใหญ่ อาทิ “Beauty Now & Next”, “เที่ยวทั่วไทย ทัวร์ทั่วโลก” เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีคอนเสิร์ตใหญ่ในช่วงต้นปีอย่างคอนเสิร์ต “มหัศจรรย์...ความคิดถึง ดีทูบี อังกอร์ คอนเสิร์ต 2015” ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากอีกด้วย
จากผลประกอบการและสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ประกอบกับราคาหุ้นที่ต่ำเกินจริง บริษัทฯ วางแผนในการทยอยซื้อหุ้นคืนตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ จนถึงวันที่ 24 สิงหาคม 2559 ตามที่ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปก่อนหน้านี้แล้ว และอาร์เอสยังมีอีกหนึ่งข่าวดีสำหรับผู้ถือหุ้น โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติการจ่ายเงินปันผล 10 สตางค์ต่อหุ้น โดยมติในการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวยังจะต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2558ในวันที่ 27เมษายน 2559
“สำหรับทิศทางธุรกิจของอาร์เอสในปี 2559 จะเป็นปีที่บริษัทฯ รุกต่อยอดธุรกิจจากการมีธุรกิจสื่อที่แข็งแรง โดยเราจะนำสื่อที่มีอยู่ในมือไปต่อยอดหารายได้ในช่องทางอื่นๆ เพิ่มขึ้น แต่ก็ยังให้ความสำคัญต่อการพัฒนาคอนเทนต์ในสื่อต่างๆ ของบริษัท ทั้งละครและรายการใน ช่อง 8, ช่อง 2, สบายดีทีวี และคลื่นวิทยุ Cool Fahrenheit 93 นอกจากนี้ยังได้หยุดดำเนินกิจการในธุรกิจที่ไม่ก่อให้เกิดกำไรและไม่สามารถต่อยอดทางธุรกิจได้ เพื่อให้ปี 2559 เป็นปีที่ธุรกิจของอาร์เอสจะมีความชัดเจนสามารถวัดผลได้ทั้งในแง่ของความนิยมและผลกำไร” นายดามพ์กล่าวทิ้งท้าย
