“กกพ.” โชว์ความสำเร็จบริหารจัดการแหล่งก๊าซฯ ยาดานา พม่าหยุดจ่ายระหว่าง 20-23 ก.พ.นี้ พลิกจากที่คาดการณ์จะกระทบค่าไฟขึ้น 0.25 สต./หน่วยกลับเป็นลดลง 0.07 สต./หน่วย เหตุเลื่อนเจรจาหยุดจ่ายจากเดิม 1-4 มี.ค.ให้เร็วขึ้นช่วงหยุดยาวแทน ผลพวงราคาน้ำมันต่ำฉุดต้นทุนผลิตจากน้ำมันเตาถูกกว่าก๊าซฯ
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า ขณะนี้จากการประเมินร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เกี่ยวกับผลกระทบค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือ Ft กรณีแหล่งก๊าซธรรมชาติยาดานา ประเทศพม่าจะหยุดจ่ายระหว่าง 20-23 ก.พ.นี้ จากที่คาดการณ์ไว้เดิมช่วงปลายปี 2558 จะกระทบค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 0.25 สตางค์ต่อหน่วยเป็นลดลง 0.07 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่ง กกพ.จะนำไปคำนวณค่า Ft ที่จะเรียกเก็บในงวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2559 ให้สะท้อนตามต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงเพื่อประกาศใช้ต่อไป
สำหรับปัจจัยหลักที่ทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงเนื่องจากเดิมที่คาดการณ์ไว้นั้นแหล่งก๊าซฯ จะหยุดจ่ายเพื่อซ่อมบำรุงระหว่าง 1-4 มีนาคม 2559 แต่ กกพ.ได้มอบให้ กฟผ.และ บมจ.ปตท.เลื่อนการหยุดซ่อมเป็นช่วงวันที่ 20-23 กุมภาพันธ์ 2559 ซึ่งเป็นช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลงจากกำหนดเดิม เนื่องจากตรงกับช่วงวันหยุดยาว ตลอดจนราคาน้ำมันเตาและน้ำมันดีเซลลดลงจากที่ประมาณการไว้ค่อนข้างมาก ทำให้ผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าที่ต้องมีการเดินเครื่องด้วยน้ำมันเตาใกล้เคียงกับราคาก๊าซธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม กกพ.ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนช่วยกันประหยัดพลังงานและลดการใช้ไฟฟ้าในช่วงที่มีการหยุดจ่ายก๊าซฯ ด้วย
สำหรับแหล่งก๊าซฯ ยาดานาที่หยุดครั้งนี้จะทำให้ก๊าซธรรมชาติที่ส่งมาจากประเทศพม่าหายไปทั้งหมดประมาณ 1,100 ล้านลูกบาศก์ฟุต ส่งผลกระทบต่อโรงไฟฟ้าในฝั่งภาคตะวันตก โดยมีกำลังการผลิตที่ลดลงรวม 3,394 เมกะวัตต์ ซึ่ง กฟผ.จะทำการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าด้วยก๊าซฯ จากฝั่งตะวันออกเพิ่มขึ้นและใช้น้ำมันเตาและน้ำมันดีเซลมาเดินเครื่องที่โรงไฟฟ้าราชบุรีทดแทนปริมาณก๊าซฯ ที่ลดลง โดยคาดว่าจะใช้น้ำมันเตาประมาณ 22.3 ล้านลิตร และน้ำมันดีเซลประมาณ 6.9 ล้านลิตร โดย กฟผ. ยืนยันว่าจะไม่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าและประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าในช่วงการหยุดจ่ายก๊าซฯ อย่างแน่นอน