จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เผยผลประกอบการครึ่งปีแรกปี 2558 กำไรสุทธิ 262 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นไปตามเป้าหมายหลังทยอยปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อโฟกัสกลุ่มธุรกิจหลักได้แก่ธุรกิจเพลงและทีวีดิจิตอล ด้านครึ่งปีหลังพร้อมขยายธุรกิจเพลงเชิงรุก ทั้งการปล่อยซิงเกิลใหม่และธุรกิจโชว์บิซ ขณะที่ทีวีดิจิตอลทั้งสองช่องเติบโตทั้งรายได้และเรตติ้ง
นางสาวบุษบา ดาวเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือแกรมมี่ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานใน 6 เดือนแรกของปี 2558 นี้เป็นไปตามเป้าหมาย หลังทยอยปรับโครงสร้างธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา อาทิ การขายเงินลงทุนในบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ส่งผลให้รายได้รวม 5,265 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมทั้งแสดงผลกำไรสุทธิจำนวน 262 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 115%
ในส่วนผลประกอบการของไตรมาส 2 มีรายได้รวม 2,259 ล้านบาท โดยทุกกลุ่มธุรกิจของแกรมมี่ก็ยังคงมีการเติบโตในทิศทางที่ดี โดยธุรกิจหลักได้แก่ธุรกิจเพลงมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นการเพิ่มขึ้นจากทั้งยอดขายอัลบั้ม การบริหารศิลปิน การจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ โดยได้มีการพัฒนาและแจ้งเกิดศิลปินคลื่นลูกใหม่เข้าสู่วงการ เช่น อะตอม-ชนกันต์ รัตนอุดม และพลอยชมพู-ญานนีน ภารวี ไวเกล
ขณะที่รายได้จากสื่อออนไลน์ เช่น YouTube ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้ช่อง GMM Grammy Official ขึ้นแท่นอันดับ 1 ใน YouTube Thailand ด้วยสมาชิกกว่า 5.4 ล้านราย มียอดวิวสะสมรวมกว่า 4,598 ล้านวิว รวมไปถึงรายได้จากการจัดคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ เช่น คอนเสิร์ต “10 ปี ATIME SHOWBIZ” ที่ขายบัตรหมดทุกรอบและสร้างความประทับใจแก่ทัพศิลปินดังคับคั่งพร้อมกับแสงสีเสียงสุดอลังการ และคอนเสิร์ต “บอดี้สแลมสิบสาม” ที่ระเบิดความมัน ความสนุกสนานแบบจัดหนักจัดเต็ม
ส่วนธุรกิจทีวีดิจิตอลได้รับกระแสตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทำให้รายได้ในไตรมาส 2 ของช่อง One และ GMM 25 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยช่อง One ซึ่งเน้นรายการละครหลังข่าวประสบความสำเร็จอย่างมากทางด้านเรตติ้ง ละครที่ออกอากาศเกือบทุกเรื่องได้รับการกล่าวถึงและได้รับความนิยมในวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องร้อยเล่ห์เสน่ห์ร้าย หรือละครฟอร์มใหญ่ เช่น บัลลังก์เมฆ รวมทั้งลงละครใหม่ 2 รส 2 อารมณ์ในเวลา 20.20 น. ได้แก่ ละครแอ็กชัน “ตะวันตัดบูรพา” นำแสดงโดย ป้อง ณวัฒน์ สนยุกต์ ทุกวันจันทร์และอังคาร และละครโรแมนติกดรามาเข้มข้น “จัดรัก วิวาห์ลวง” นำแสดงโดย บี้ สุกฤษฎิ์ หนูนา หนึ่งธิดา แป้ง อรจิรา ทุกวันพุธ และพฤหัสบดี
สำหรับช่อง GMM 25 ก็เดินหน้าลุยละครเต็มตัว เปิดผังทีเดียว 25 เรื่อง ภายใต้สโลแกน “GMM 25 ละครสนุก ความสุข 2 ทุ่ม” เป็นละครที่มีความหลากหลาย สารพัดรูปแบบ ทั้งละครผี วัยรุ่น ดรามา ชวนให้ติดตามกันได้ทุกรุ่นทุกวัย เริ่มต้นด้วยละครซีรีส์ยอดฮิตตลอดกาล “Club Friday The Series 6” ในชื่อว่า “ความรักไม่ผิด แต่ ผิดที่...” ละครคนรุ่นใหม่ “I Wanna Be Sup’Tar (วันหนึ่งจะเป็นซุป'ตาร์)” ละครวัยรุ่น “GPA สถาบันพันธุ์แสบ” ละครโรแมนติกไซไฟ “Devil Lover (เผลอใจ…ให้นายปีศาจ)” อีกทั้งยังมีละครที่สร้างสรรค์จากบทเพลง เช่น “มนต์เพลงข้ามภพ” ที่สร้างจากบทเพลงลูกทุ่ง และ “Love Song Love Story” ที่สร้างจาก 6 บทเพลงจากปลายปากกา “ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค”
นอกจากนี้ ธุรกิจที่ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก มียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี ได้แก่ธุรกิจ Home shopping โดยรายได้ในไตรมาส 2/2558 สูงขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 72% และมั่นใจว่าจะมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 20%
ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ทุกกลุ่มธุรกิจของแกรมมี่ยังดำเนินยุทธศาสตร์ในเชิงรุกเพื่อรักษาความเป็นผู้นำในทุกด้าน สำหรับธุรกิจเพลง หลังจากได้ปรับโครงสร้างการบริหารงานภายในเพื่อลดต้นทุนและให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินงานแล้ว ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถวางแผนการตลาดเพื่อสร้างรายได้เพิ่มให้แก่ธุรกิจเพลงได้อย่างครอบคลุมในทุกช่องทาง
ทั้งนี้ ในครึ่งปีหลังจะเห็นซิงเกิลใหม่ๆ ของศิลปินออกสู่ตลาดไม่น้อยกว่า 70 ซิงเกิล จากศิลปินที่ครอบคลุมทุกแนวเพลง รวมทั้งการจัดกิจกรรมและโชว์บิซที่จะมีความเข้มข้นมากกว่าครึ่งปีแรก เช่น คอนเสิร์ตของวง 25 Hours Potato Big Ass คอนเสิร์ต Band on the run จิ้มไหล่ เฟสติวัล 2 คอนเสิร์ต 20 ปี แกรมมี่โกลด์ และปิดท้ายด้วยเทศกาลดนตรีระดับประเทศ “มัน ใหญ่ มาก” ที่ปีนี้ย้ายสถานที่จากเขาใหญ่มาที่แก่งกระจาน เพชรบุรี เพื่อรองรับคนดูที่เพิ่มขึ้น โดยสถานที่แห่งใหม่นี้สามารถรองรับผู้ชมได้ถึง 120,000 คน
ส่วนธุรกิจทีวีดิจิตอล แม้ยังเผชิญความท้าทายในหลายด้าน แต่บริษัทมุ่งมั่นเป็นอย่างมากที่จะสร้างสรรค์และผลิตคอนเทนต์ที่ดียิ่งขึ้น มีความหลากหลายมากขึ้น นำพาผู้ชมให้พบประสบการณ์ที่แปลกใหม่ แตกต่าง และสนุกสนานเพลิดเพลิน บริษัทเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าผลงานและคุณภาพของรายการทางช่องทีวีดิจิตอลของบริษัททั้ง 2 ช่องจะได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ในใจผู้ชม
ด้วยสถานะทางการเงินของแกรมมี่ยังคงแข็งแกร่ง โดยปัจจุบันอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Interest Bearing Debt to Equity) อยู่ที่ 0.59 เท่า จะเป็นส่วนสนับสนุนและผลักดันให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่งผลให้การเติบโตของบริษัทเป็นไปอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน