ASTVผู้จัดการรายวัน - เครือ “เซ็นทารา” เริ่มเดินหน้าลงทุนโรงแรมต่อเนื่อง 4 แห่งช่วงไตรมาสที่สี่ หลังรับผลกระทบภายใน-ต่างประเทศ วางหมากธุรกิจเน้นซื้อธุรกิจและบริหารการจัดการ หวังขยายครบ 125-130 แห่ง เน้นตลาดตะวันออกกลางและภูมิภาคอาเซียนเป็นหลัก พร้อมเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเป็น 40% ภายใน 5 ปี
นายธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงแรมและรีสอร์ทในเครือ “เซ็นทารา” เปิดเผยว่า ปัจจุบันเครือ “เซ็นทารา” มีโรงแรมและรีสอร์ท 6 แบรนด์ ภายใต้ชื่อ เซ็นทารา แกรนด์ โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท, เซ็นทารา โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท, เซ็นทารา เรสซิเดนส์ แอนด์ สูท, เซ็นทารา บูติค คอลเลกชั่น, เซ็นทรา โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท และโคซี่ รวมทั้งสิ้น 72 แห่ง ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทย 48 แห่งและต่างประเทศ 24 แห่ง ได้แก่ เวียดนาม, มัลดีฟส์, ศรีลังกา, อินโดนีเซีย, การ์ตา, โอมาน, ลาว, ตุรกี และจีน
ตามแผนการดำเนินงานของเครือในปี 2558 จะยังคงมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องโดยยอมรับว่าล่าช้าไปจากกำหนดการเดิมเนื่องจากได้รับผลกระทบด้านต่างๆ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ แต่จะเริ่มเห็นผลอย่างชัดเจนภายในไตรมาสสุดท้ายรวม 4 แห่งคือ พัทยา, จอมเทียน, โอมาน และเวียดนาม นอกจากนั้นจะยังเริ่มลงทุนก่อสร้างโรงแรม “โคซี่” สาขาแรกที่เกาะสมุย ขนาด 160-170 ห้องพัก ด้วยงบประมาณ 1.5-1.6 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการได้ภายในปี 2559
ส่วนในปี 2559 จะมีการลงทุนเพิ่มอีกประมาณ 7-8 แห่งโดยเน้นกลุ่มประเทศตะวันออกกลางเป็นหลัก ก่อนที่จะเริ่มขยายเข้าไปยังประเทศจีนในปี 2560 เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายการขยายธุรกิจภายใน 5 ปี ด้วยการเพิ่มจำนวนโรงแรมให้ได้ 125-130 แห่ง โดยจะเน้นการลงทุนหลักในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง, อินโดนีเซีย มาเลเซีย และอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน พร้อมเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเป็น 40% ในประเทศ 60% จากปัจจุบันที่มีรายได้หลักในประเทศ 80% และต่างประเทศ 20%
“สำหรับการลงทุนของเครือในปัจจุบันเป็นการลงทุนเอง 15 แห่ง นอกนั้นเป็นในลักษณะการบริหารจัดการและการซื้อธุรกิจ โดยยังคงเน้นการซื้อธุรกิจเป็นนโยบายหลักเนื่องจากมีตัวเลือกที่น่าสนใจเป็นจำนวนมากโดยจะพิจารณาปัจจัยหลัก 2 ด้านคือขนาดธุรกิจและตลาดหลัก โดยปัจจุบันธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทยังคงมีสัดส่วนรายได้เพียงหลักเดียวของทั้งเครือ โดยมีมูลค่าประมาณ 9 พันล้านบาท แต่หากรวมรายได้จากธุรกิจจัดเลี้ยงและอาหารแล้วคาดว่ามีมูลค่าประมาณ 1.9-2 หมื่นล้านบาท โดยในไตรมาสที่สองยังคงมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่เติบโตสูงขึ้น 17%” นายธีระยุทธ กล่าวเสริม
ส่วนสถานการณ์ทั่วไปด้านการเข้าพักของนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาพบว่า นักท่องเที่ยวจากประเทศจีนมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นถึง 100% ขณะที่นักท่องเที่ยวรัสเซียลดลงประมาณ 50% ส่วนนักท่องเที่ยวยุโรปยังคงที่ประมาณ 3% โดย 5 อันดับแรกของกลุ่มนักท่องเที่ยวเป้าหมาย ได้แก่ จีน, รัสเซีย, ยูเครน. สแกนดิเนเวียน และไทย
“สัดส่วนนักท่องเที่ยวจีนในปัจจุบันมีประมาณ 20% แต่คาดว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายนักท่องเที่ยวชาวไทยจะเพิ่มสูงขึ้นเป็นอันดับหนึ่งด้วยสัดส่วนประมาณ 28% ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และออสเตรเลียก็จะเริ่มเพิ่มสูงขึ้นในช่วงไตรมาสที่สาม” นายธีระยุทธ กล่าวในตอนท้าย
ล่าสุด “เอิร์ธเช็ค” องค์กรพันธมิตรด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลก ได้มอบรางวัลประกาศนียบัตรระดับทองด้านสิ่งแวดล้อมให้แก่ “โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์บีช รีสอร์ทและวิลลา กระบี่” เป็นแห่งแรกในประเทศไทย หลังจากที่มีการนำระบบการประเมินผลการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมาใช้อย่างต่อเนื่องจนครบ 5 ปี
นอกจากนั้น ยังมีโรงแรมและรีสอร์ทแห่งอื่นๆ ในเครือ “เซ็นทารา” ที่เข้าร่วมโครงการ “เอิร์ธเช็ค” และเตรียมเข้ารับรางวัลประกาศณียบัตรระดับทอง, บรอนซ์ และเงิน ภายในสิ้นปี 2558 ซึ่งถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อการป้องกันปัญหาสิ่งแวดล้อม เพื่อพัฒนาชุมชนท้องถิ่นให้สามารถดํารงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนสืบต่อไป