“โฮม พอตเทอรี่” เผยโฉมผลิตภัณฑ์ใหม่บนโต๊ะอาหารสำหรับโรงแรมและร้านอาหารระดับ 4-5 ดาว แบรนด์ “เพทาย” เร่งทำตลาดทั่วโลกเข้าเป้า 150 ล้านบาทในปี 58 ก่อนเพิ่มเป็น 240 ล้านบาทในปี 2563 พร้อมลงทุน 80 ล้านบาทเพิ่มกำลังผลิตอีก 80% หวังสัดส่วนตลาด AEC เพิ่มเป็น 20% ของรายได้รวม
นายนิรันดร์ เชาว์กิตติโสภณ ประธานกรรมการ บริษัท โฮม พอตเทอรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HPT ผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์เครื่องเคลือบดินเผาประเภท “ไฟน์ ไชน่า” (Fine China) เพื่อใช้บนโต๊ะอาหารและเป็นเครื่องใช้ในครัวสำหรับการใช้งานในโรงแรม หรือร้านอาหาร เปิดเผยว่า บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจเพื่อเน้นการส่งออกเป็นหลักด้วยสัดส่วน 98% และจำหน่ายในประเทศ 2% โดยในปี 2557 มีรายได้ประมาณ 132 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ 53.14% และรายได้จาก OEM 46.86%
สำหรับผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ เป็นสินค้าระดับกลาง-สูง มีทั้งหมด 4 แบรนด์ แบ่งเป็นผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนแบรนด์ “ฮาร์ทแอทโฮม” (Heart @ Home) และ “วัน” (One) ส่วนผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในโรงแรมและร้านอาหารคือแบรนด์ “โฮเทลแอนด์ฮาร์ท” (Hotel&Heart) โดยล่าสุดเมื่อปี 2556 ได้พัฒนาแบรนด์ใหม่คือ “เพทาย” (PE'TYE) นอกจากนี้ ยังร่วมผลิตและออกแบบผลิตภัณฑ์ส่งออกให้ร้านค้าตลอดจนแบรนด์ชั้นนำในต่างประเทศ (OEM) ด้วยเช่นกัน
“ปัจจุบันบริษัทฯ เน้นทำการตลาดและผลิตสินค้าแบรนด์ เพทาย เป็นหลัก ส่วนอีก 3 แบรนด์และการรับช่วงการผลิตให้แบรนด์อื่นๆ ในลักษณะ OEM เป็นการผลิตตามรายการสั่งซื้อ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายที่จะหันมาผลิตแบรนด์ เพทาย 100% ในเวลาที่เร็วที่สุด เพื่อเป็นการสร้างอนาคตและความแข็งแกร่งในลักษณะ Original Brand Manufacturing หรือ OBM” นายนิรันดร์ กล่าว
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมส่งออกเซรามิกไทยแบ่งผลิตภัณฑ์ออกเป็น 2 ประเภทคือ “สโตน ไชน่า” ประมาณ 60% และ “ไฟน์ ไชน่า” ประมาณ 40% โดยมีมูลค่าตลาดออกส่งในปี 2557ประมาณ 3 พันล้านบาท เติบโตประมาณ 27% และคาดว่าในปี 2558 จะยังคงที่เท่าเดิม เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจทั้งของประเทศไทยและตลาดโลกยังไม่กระเตื้องมากนัก ขณะที่บริษัทฯ ตั้งเป้าว่าจะสามารถทำยอดขายในปี 2558 เติบโตขึ้น 15% คิดเป็นมูลค่า 150 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายระยะยาว 5 ปี หรือภายในปี 2563 ว่าจะสามารถทำรายได้รวมเพิ่มเป็น 240 ล้านบาท พร้อมเพิ่มกำลังผลิตขึ้นอีก 80%
“เนื่องจากบริษัทฯ เน้นการส่งออกเป็นหลักจึงมักประสบปัญหาสำคัญคือเรื่องภาวะค่าเงินผันผวน ทั้งในส่วนของเงินเหรียญสหรัฐและเงินยูโร นอกจากนี้ยังต้องเผชิญกับภาษีนำเข้าของแต่ละประเทศซึ่งจัดเก็บไม่เท่ากัน เช่น สหรัฐอเมริกาจัดเก็บสูงถึง 20.8% ขณะที่บางประเทศในยุโรป เช่น นอร์เวย์ หรือแม้แต่สิงคโปร์ กลับยกเว้นภาษีนำเข้า 0% ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อต้นทุนการผลิตและผลกำไรที่ควรจะได้รับ” นายนิรันดร์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากเป้าหมายดังกล่าวบริษัทฯ จึงเตรียมแผนลงทุนด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์และการตลาดอย่างต่อเนื่องภายใต้งบประมาณ 80 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในช่วง 2 ปีแรกคือ ปี 2558-2559 ประมาณ 40 ล้านบาทและ 3 ปีสุดท้ายคือ ปี 2560-2563 ประมาณ 40 ล้านบาท โดยในช่วง 2 ปีแรกจะขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 30% จากกำลังการผลิตสูงสุดในปัจจุบัน 1.2 พันตันต่อปี หรือประมาณ 3 ล้านชิ้นต่อปี โดยมีโรงงานขนาดพื้นที่ 30 ไร่ ใน อ.สบปราบ จ.ลำปาง
ทางด้าน นางสาวนิจวรรณ เชาว์กิตติโสภณ ผู้อำนวยการฝ่ายตลาด บริษัท โฮม พอตเทอรี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ลูกค้าหลักของบริษัทฯ เป็นกลุ่มโรงแรมและร้านอาหารระดับ 4-5 ดาวซึ่งจัดเป็นกลุ่มลูกค้าเฉพาะ (Niche Market) ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ส่งผลให้บริษัทฯ มีอัตรากำไรที่ดีกว่ากลุ่มลูกค้าประเภทอื่น โดยปัจจุบัน บริษัทฯ ใช้ช่องทางจัดจำหน่ายไปยังกลุ่มลูกค้าโดยตรง 62.71% และผ่านเอเย่นต์ 37.29& โดยมีตลาดหลักคือประเทศสหรัฐอเมริกา 48.5% กลุ่มประเทศยุโรป 36.56% ออสเตรเลีย 13.35% กลุ่มประเทศอเมริกาใต้ 0.66% และกลุ่มประเทศเอเชีย 0.18%
หลังจากบริษัทฯ เริ่มเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ “เพทาย” (PE'TYE) ปรากฏว่าได้รับการตอบรับดีมาก เนื่องจากมีจุดเด่นคือการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยจากประเทศอังกฤษมาผลิตสินค้าแบบ Low Profile Glazed Foot ทำให้มีคุณสมบัติพิเศษที่ทำให้ขอบด้านล่างของผลิตภัณฑ์ไม่เกิดการเสียดสีกันจนเกิดรอยเมื่อจัดเก็บซ้อนกัน หรือขูดขีดโต๊ะจนเป็นรอย ทั้งมีอายุการใช้งานคงทนนานถึง 5 ปี
“ในช่วง 2 ปีนี้คือ ปี 2558-2559 บริษัทฯ จัดงบประมาณการตลาด 5 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นยอดขายและทำตลาดต่างประเทศใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยจะเน้นการร่วมออกบูธงานแสดงสินค้านานาชาติเป็นหลัก พร้อมตั้งเป้าหมายระยะสั้นในการทำตลาดกลุ่มประเทศอาเซียนภายในสิ้นปี 2558 โดยจะเริ่มจากประเทศลาว พม่า กัมพูชา รวมทั้งไทย โดยมีเป้าหมายระยะยาวภายใน 5 ปีว่าจะสามารถทำสัดส่วนรายได้ถึง 20% ของรายได้รวม” นางสาวนิจวรรณ กล่าวในที่สุด