ผู้ค้าน้ำมันจ้องปรับราคาขายปลีกอีกระลอก 1-2 วันนี้หลังค่าการตลาดดิ่งเฉลี่ยเหลือ 50-60 สตางค์ต่อลิตร เหตุราคาโลกยังคงขยับขึ้นต่อเนื่องจากปริมาณการผลิตน้ำมัน Shale Oil ที่ชะลอตัวลง ขณะที่โอเปกคาดการณ์การใช้น้ำมันดิบปี 2558 จะสูงขึ้น 0.43 ล้านบาร์เรลต่อวัน
แหล่งข่าวจาก บมจ.ปตท. เปิดเผยว่า หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ล่าสุดค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมันกลุ่มเบนซินเฉลี่ยเหลือเพียง 0.50 บาทต่อลิตร ขณะที่ดีเซลเฉลี่ย 0.66 บาทต่อลิตรเท่านั้น ซึ่งหากราคาน้ำมันตลาดโลกยังคงปรับสูงขึ้นอีก 1-2 วันนี้ก็จะส่งผลให้ผู้ค้าน้ำมันอาจต้องปรับเพิ่มราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งราว 40-50 สตางค์ต่อลิตร
“ยอมรับว่าระยะสั้นสัปดาห์นี้น้ำมันยังคงมีแนวโน้มในทางขาขึ้นตามทิศทางราคาตลาดโลกที่ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นน้ำมันจากชั้นหินดินดานหรือ Shale Oil เริ่มชะลอตัวลงจากระดับราคาน้ำมันที่อ่อนค่า ทำให้เริ่มไม่คุ้มกับต้นทุนการผลิต” แหล่งข่าวกล่าว
รายงานข่าวจาก บมจ.ไทยออยล์แจ้งว่า ราคาน้ำมันดิบปิดตลาด 9 ก.พ. 58 เวสต์เทกซัสปรับขึ้น 1.17 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปิดที่ 52.86 เหรียญต่อบาร์เรล เบรนต์เพิ่มขึ้น 0.54 เหรียญต่อบาร์เรล ปิดที่ 58.34 เหรียญต่อบาร์เรล ดูไบปรับขึ้น 0.14 เหรียญต่อบาร์เรล ปิดที่ 54.69 เหรียญต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันสำเร็จรูปสิงคโปร์ เบนซิน 95 ปรับขึ้น 1.65 เหรียญต่อบาร์เรลปิดที่ 69.75 เหรียญต่อบาร์เรล ดีเซลปรับขึ้น 1.08 เหรียญต่อบาร์เรล ปิดที่ 70.36 เหรียญต่อบาร์เรล
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบได้ปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 หลังจากกลุ่มโอเปกได้ปรับคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันดิบในปี 2558 ขึ้นมาอยู่ที่เฉลี่ย 29.21 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 0.43 ล้านบาร์เรลต่อวันจากการคาดการณ์ในครั้งที่แล้ว สาเหตุมาจากการบริโภคที่เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ ทางกลุ่มโอเปกก็ได้คาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันดิบจากประเทศนอกกลุ่มโอเปกจะลดลงเหลือ 850,000 บาร์เรลต่อวันเท่านั้น ซึ่งลดลงถึง 420,000 บาร์เรลต่อวันจากการคาดการณ์ครั้งที่แล้ว เนื่องมาจากการชะลอตัวของการเติบโตของน้ำมัน Shale Oil และการลดเม็ดเงินการลงทุนของบริษัทขุดเจาะน้ำมันต่างๆ รวมไปถึงการลดลงของแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ และแคนาดาด้วย
