ASTVผู้จัดการรายวัน - “ไทยเบฟ” อัด 3 พันล้านบาทปั้น “100 พลัส” เปิดเซกเมนต์ “ฟังก์ชันนัล คาร์บอเนต” ทะลวงตลาดน้ำอัดลม หวังปี 63 รายได้ทะลุ 1.5 หมื่นล้านบาท แย้มปีหน้าส่งอีก 1 แบรนด์เพิ่มรายได้
นายมารุต บูรณะเศรษฐกุล กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด ในเครือ “ไทยเบฟเวอเรจ” เปิดเผยว่า ภาพรวมไทยเบฟภายในปี 2563 ต้องการที่จะมียอดขายกลุ่มเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ สร้างรายได้เป็น 50% จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้เพียง 10% หรือมีรายได้ที่ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ในปี 2557 มาจากเครื่องดื่ม “โออิชิ” 6 พันล้านบาท “เสริมสุข” 1.1 หมื่นล้านบาท “ไทยดริ้งค์” 1 พันล้านบาท ที่เหลือมาจาก “เอฟแอนด์เอ็น” อีกราว 1.2 หมื่นล้านบาท
ตามแผนงานหลังจากนี้จะให้ “ไทยดริ้งค์” เป็นผู้ดูแลการจัดจำหน่ายเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์มากขึ้นทั้งตลาดในไทยและอาเซียน ล่าสุดเปิดตัว “100 พลัส” เป็นเครื่องดื่มน้ำอัดลมเพื่อสุขภาพผสมเกลือแร่ ถือเป็นเซกเมนต์ใหม่ เจาะกลุ่มผู้รักสุขภาพและผู้ที่ไม่ต้องการเครื่องดื่มน้ำอัดลมทั่วไป เชื่อว่าจะช่วยทำให้ตลาดรวมน้ำอัดลมมูลค่า 4.7 หมื่นล้านบาท จากปกติโต 4.4% จะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น
“แผนที่จะทำให้กลุ่มเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์มียอดขายเป็น 50% หรือคิดเป็นรายได้กว่า 1.5 แสนล้านบาทของยอดขายกลุ่มเครื่องดื่มทั้งหมดที่ 3 แสนล้านบาทในปี 2563 นั้นจะต้องมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่เข้ามาอีก โดยปีนี้จะมีการนำ 100 พลัส เข้ามาทำตลาด โดยภายในปีหน้าจะมีเปิดตัวผลิตถัณฑ์ใหม่อีก 1 ตัวจากกลุ่มเอฟแอนด์เอ็น เข้ามาทำตลาดในไทยและอาเซียนภายใต้การดูแลของไทยดริ้งค์เพิ่มขึ้น”
สำหรับแผนการตลาดของ “100 พลัส” นั้น ภายใน 5 ปีหลังจากนี้จะต้องใช้งบการตลาดรวมกว่า 3 พันล้านบาท หรือภายในปี 2563 เครื่องดื่ม “100 พลัส” จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ในปีแรกนี้มั่นใจว่าจะมีรายได้ที่ 2.5 พันล้านบาท โดยเริ่มวางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมาใน 3 รูปแบบ คือ กระป๋อง ราคา 10 บาทในทุกช่องทาง ขวดแก้วราคา 10 บาทในช่องทางร้านค้าทั่วไป และขวดเพ็ท ราคา 12 บาทในช่องทางโมเดิร์นเทรด
ปัจจุบัน “100 พลัส” ถือเป็นแบรนด์ระดับโลกและมียอดขายเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มน้ำอัดลมในหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย มีแชร์ 15% โดยในเอเชียเข้าไปทำตลาดแล้วหลายประเทศ เช่น สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ภายใต้การทำตลาดของ “เอฟแอนด์เอ็น”