“เอ็มบีเค” ฮึดสู้ปีนี้ หวังรายได้รวมเติบโต 5% ทะลุหมื่นล้านบาท แก้มือปีที่แล้วโตต่ำเป้า พร้อมทุ่มงบ 2 ปีกลุ่มค้าปลีกรวม 1,000 ล้านบาท เผยรุกชายแดนรับมือเปิดเออีซี จ่อผุดไลฟ์สไตล์มอลล์แนวชายแดน จ่อเล็งที่แม่สอดแห่งแรก
นายสุเวทย์ ธีรวชิรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2558 นี้บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้รวมทั้งกลุ่มบริษัทฯ ไว้ที่ 10,000 ล้านบาท เติบโต 5% เพิ่มจากปีที่แล้วที่ทำรายได้ประมาณ 9,000 กว่าล้านบาท เติบโตแค่ 3% ต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อยที่ตั้งไว้ว่าจะถึง 10,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้มาจาก กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ 10% กลุ่มรีเทล 30% กลุ่มอาหาร 25% กลุ่มโรงแรม 15-18% กลุ่มไฟแนนซ์ 12% และที่เหลืออื่นๆ โดยกลุ่มธุรกิจค้าปลีกศูนย์การค้านั้นมีการเติบโตประมาณ 2% ส่วนโรงแรมมีรายได้ตกลง 10% อันเนื่องมาจากผลกระทบปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจเมื่อครึ่งปีแรกปีที่แล้ว
นายศักดิ์ชัย เก่งกิจโกศล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2558-2559 นี้กลุ่มธุรกิจค้าปลีกจะใช้งบลงทุน 1,000 ล้านบาทเพื่อลงทุนสร้างศักยภาพให้กับธุรกิจต่อเนื่อง ทั้งการทำสกายวอล์กเชื่อมต่อจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสนามกีฬาฯไปยังศศินทร์ การปรับโฉมศูนย์การค้าทั้งภายในและภายนอกอาคารให้มีความทันสมัยและสวยงามมากขึ้น ซึ่งถือเป็นการปรับใหญ่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2554 ทั้งนี้ กลุ่มค้าปลีกตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 3% จากปีที่แล้วที่รายได้กลุ่มค้าปลีกมีประมาณ 3,900 ล้านบาท
ขณะนี้แม้ว่าทุกอย่างจะอยู่ในภาวะที่เริ่มดีขึ้น แต่ปริมาณลูกค้าของเอ็มบีเคยังต่ำกว่า 10% ยังไม่กลับมาเหมือนเดิม จากเดิมที่มีปริมาณลูกค้าเฉลี่ย 90,000 คนต่อวัน เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคยังไม่ฟื้นเท่าที่ควร และยังติดปัญหาเรื่องการใช้กฎอัยการศึก ซึ่งจะกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย โดยลูกห้องของเรามากกว่า 70% พึ่งพาลูกค้าจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก ทำให้ปีนี้เราต้องรุกหนักในด้านการตลาดมากยิ่งขึ้น และมีการตั้งคณะทำงานด้านการตลาดออนไลน์ขึ้นมาด้วยเพื่อที่จะรุกตลาดหนักมากขึ้น ในการจัดกิจกรรมและสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าต่างชาติ รวมไปถึงการเพิ่มงบประมาณด้านการตลาดเป็น 2% จากเดิมใช้ 1.2% จากรายได้รวม
ทั้งนี้บริษัทฯ มีแผนธุรกิจรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 หรือเออีซีไว้ โดยเฉพาะการขยายธุรกิจค้าปลีกไปยังเขตแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะให้ความสำคัญต่อเขตเศรษฐกิจพิเศษ 9 จังหวัด เช่น ตราด ปราจีนบุรี มุกดาหาร แม่สอด จังหวัดตาก เป็นต้น เนื่องจากเมื่อเปิดเออีซีแล้วจะทำให้ตลาดนี้ใหญ่ขึ้น อย่างไรก็ตาม การจะลงทุนหรือไม่นั้นก็ต้องขึ้นอยู่ที่นโยบายของรัฐบาลเป็นสำคัญด้วยว่าจะมีความชัดเจนหรือไม่อย่างไรกับการผลักดันโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบสาธารณูปโภค สาธารณูปการต่างๆ
“ที่ผ่านมาเราได้มีการเจรจากับผู้สนใจที่จะร่วมทุนกับเราหรือพาร์ตเนอร์ ซึ่งเป็นคนท้องถิ่น คืบหน้ามากกว่า 60-70% แล้ว การที่รุกชายแดนติดกับพม่าก่อน เนื่องจากว่า ตรงแม่สอดนั้นเป็นย่านการค้าชายแดนที่ใหญ่ มีเงินสะพัดมากกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี เรามีแนวคิดที่จะสร้างไลฟ์สไตล์มอลล์ขึ้นมาขนาดพอดีไม่ใหญ่หรือเล็กไปประมาณ 20,000 ตารางเมตร เราจะทำโครงการตรงที่แม่สอดนี้เป็นแม่แบบก่อนที่จะรุกไปย้งเขตจังหวัดอื่น ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ทั้งการร่วมทุนกับคนท้องถิ่น และใช้แบรนด์ของเราคือ เอ็มบีเค เพราะเป็นแบรนด์ที่มีคนรู้จักมากแล้ว โดยเฉพาะอินโดนีเซีย และมาเลเซีย ที่เป็นลูกค้าอันดับต้นๆ ของเอ็มบีเค” นายศักดิ์ชัยกล่าว
นายสุเวทย์ ธีรวชิรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2558 นี้บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้รวมทั้งกลุ่มบริษัทฯ ไว้ที่ 10,000 ล้านบาท เติบโต 5% เพิ่มจากปีที่แล้วที่ทำรายได้ประมาณ 9,000 กว่าล้านบาท เติบโตแค่ 3% ต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อยที่ตั้งไว้ว่าจะถึง 10,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้มาจาก กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ 10% กลุ่มรีเทล 30% กลุ่มอาหาร 25% กลุ่มโรงแรม 15-18% กลุ่มไฟแนนซ์ 12% และที่เหลืออื่นๆ โดยกลุ่มธุรกิจค้าปลีกศูนย์การค้านั้นมีการเติบโตประมาณ 2% ส่วนโรงแรมมีรายได้ตกลง 10% อันเนื่องมาจากผลกระทบปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจเมื่อครึ่งปีแรกปีที่แล้ว
นายศักดิ์ชัย เก่งกิจโกศล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2558-2559 นี้กลุ่มธุรกิจค้าปลีกจะใช้งบลงทุน 1,000 ล้านบาทเพื่อลงทุนสร้างศักยภาพให้กับธุรกิจต่อเนื่อง ทั้งการทำสกายวอล์กเชื่อมต่อจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสนามกีฬาฯไปยังศศินทร์ การปรับโฉมศูนย์การค้าทั้งภายในและภายนอกอาคารให้มีความทันสมัยและสวยงามมากขึ้น ซึ่งถือเป็นการปรับใหญ่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2554 ทั้งนี้ กลุ่มค้าปลีกตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 3% จากปีที่แล้วที่รายได้กลุ่มค้าปลีกมีประมาณ 3,900 ล้านบาท
ขณะนี้แม้ว่าทุกอย่างจะอยู่ในภาวะที่เริ่มดีขึ้น แต่ปริมาณลูกค้าของเอ็มบีเคยังต่ำกว่า 10% ยังไม่กลับมาเหมือนเดิม จากเดิมที่มีปริมาณลูกค้าเฉลี่ย 90,000 คนต่อวัน เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคยังไม่ฟื้นเท่าที่ควร และยังติดปัญหาเรื่องการใช้กฎอัยการศึก ซึ่งจะกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย โดยลูกห้องของเรามากกว่า 70% พึ่งพาลูกค้าจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก ทำให้ปีนี้เราต้องรุกหนักในด้านการตลาดมากยิ่งขึ้น และมีการตั้งคณะทำงานด้านการตลาดออนไลน์ขึ้นมาด้วยเพื่อที่จะรุกตลาดหนักมากขึ้น ในการจัดกิจกรรมและสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าต่างชาติ รวมไปถึงการเพิ่มงบประมาณด้านการตลาดเป็น 2% จากเดิมใช้ 1.2% จากรายได้รวม
ทั้งนี้บริษัทฯ มีแผนธุรกิจรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 หรือเออีซีไว้ โดยเฉพาะการขยายธุรกิจค้าปลีกไปยังเขตแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะให้ความสำคัญต่อเขตเศรษฐกิจพิเศษ 9 จังหวัด เช่น ตราด ปราจีนบุรี มุกดาหาร แม่สอด จังหวัดตาก เป็นต้น เนื่องจากเมื่อเปิดเออีซีแล้วจะทำให้ตลาดนี้ใหญ่ขึ้น อย่างไรก็ตาม การจะลงทุนหรือไม่นั้นก็ต้องขึ้นอยู่ที่นโยบายของรัฐบาลเป็นสำคัญด้วยว่าจะมีความชัดเจนหรือไม่อย่างไรกับการผลักดันโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบสาธารณูปโภค สาธารณูปการต่างๆ
“ที่ผ่านมาเราได้มีการเจรจากับผู้สนใจที่จะร่วมทุนกับเราหรือพาร์ตเนอร์ ซึ่งเป็นคนท้องถิ่น คืบหน้ามากกว่า 60-70% แล้ว การที่รุกชายแดนติดกับพม่าก่อน เนื่องจากว่า ตรงแม่สอดนั้นเป็นย่านการค้าชายแดนที่ใหญ่ มีเงินสะพัดมากกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี เรามีแนวคิดที่จะสร้างไลฟ์สไตล์มอลล์ขึ้นมาขนาดพอดีไม่ใหญ่หรือเล็กไปประมาณ 20,000 ตารางเมตร เราจะทำโครงการตรงที่แม่สอดนี้เป็นแม่แบบก่อนที่จะรุกไปย้งเขตจังหวัดอื่น ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ทั้งการร่วมทุนกับคนท้องถิ่น และใช้แบรนด์ของเราคือ เอ็มบีเค เพราะเป็นแบรนด์ที่มีคนรู้จักมากแล้ว โดยเฉพาะอินโดนีเซีย และมาเลเซีย ที่เป็นลูกค้าอันดับต้นๆ ของเอ็มบีเค” นายศักดิ์ชัยกล่าว