ASTVผู้จัดการรายวัน - “ดีเอชแอล ซัพพลายเชน” เดินหน้าลงทุนในไทยต่อเนื่อง เผยแผนงานเตรียมจับกลุ่มธุรกิจสินค้าเพื่อสุขภาพเพิ่ม ล่าสุดผุดคลังสินค้าขนาดใหญ่ 1.2 แสน ตร.ม.ในนิคมฯ บางพลี มูลค่า 20 ล้านยูโร พร้อมเพิ่มเครือข่ายคลังสินค้าครอบคลุมทั้งประเทศภายใน 2-3 ปี รวมเม็ดเงินลงทุน 5 ปีร่วม 100 ล้านยูโร หรือกว่า 400 ล้านบาท
นายเควิน เบอร์เรล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “ดีเอชแอล ซัพพลายเชน” ประเทศไทย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม เปิดเผยว่า ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีผลการดำเนินงานสูงสุดของ “ดีเอชแอล ซัพพลายเชน” โดยในปี 2557 มีอัตราการเติบโตถึง 2 หลักจากมูลค่าตลาดรวมของธุรกิจขนส่งสินค้า หรือ Logistics ประมาณ 3 แสนล้านบาท และคาดว่าในปี 2558 ตลาดรวมจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 6% โดยคาดว่าภายใน 5 ปีผลการดำเนินงานของ “ดีเอชแอล ซัพพลายเชน” ในประเทศไทยจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปัจจุบัน
ในปี 2558 ถือเป็นโอกาสครบรอบ 20 ปีของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นบริษัทสัญชาติเยอรมนีที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดจากปัจจุบันที่มีลูกค้าผู้ใช้บริการครอบคลุมตั้งแต่ธุรกิจขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ บริษัทข้ามชาติ ตลอดจนหน่วยงานราชการ คิดเป็นสัดส่วนรายได้หลักจากกลุ่มธุรกิจค้าปลีก 45% ธุรกิจสินค้าอุปโภค-บริโภค 25% ธุรกิจยานยนต์ 15% และธุรกิจเทคโนโลยี 15% โดยในอนาคตอันใกล้นี้มีแผนที่จะเพิ่มการให้บริการครอบคลุมสินค้าเพื่อสุขภาพเพิ่มขึ้น พร้อมปรับสัดส่วนรายได้ใหม่ให้อยู่ในระดับที่เท่ากันคือ 25%”
ล่าสุด ดีเอชแอล ซัพพลายเชน ได้เปิดตัวโครงการคลังสินค้า “บางนา โลจิสติกส์ แคมปัส” (BLC) ขนาดพื้นที่ 1.2 แสนตารางเมตร ภายในนิคมอุตสาหกรรมบางพลี ถ.บางนา-ตราด กม.23 จ.สมุทรปราการ เพื่อเพิ่มพื้นที่คลังสินค้าในประเทศไทยอีก 18% ด้วยงบประมาณลงทุน 20 ล้านยูโร (ประมาณ 80 ล้านบาท) ส่งผลให้ภายใน 2 ปีที่ผ่านมามีการลงทุนในประเทศไทยแล้วประมาณ 50 ล้านยูโร
“ดีเอชแอล ซัพพลายเชน ยังมีแผนเพิ่มคลังสินค้าให้เป็นเครือข่ายครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทยภายใน 2-3 ปีนับจากนี้ เริ่มตั้งแต่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนที่จะขยายไปยังภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ คิดเป็นงบลงทุนประมาณ 50 ล้านยูโร รวมงบลงทุน 5 ปีเท่ากับ 100 ล้านยูโร หรือประมาณ 400 ล้านบาท”
นายเควิน เบอร์เรล ยังกล่าวถึงแนวโน้มของธุรกิจในอนาคตภายหลังการเปิดเขตประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ว่า ประเทศไทยมีศักยภาพหลายๆ ด้านจึงมีความพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางธุรกิจลอจิสติกส์ในอาเซียน ขณะที่กลุ่มลูกค้าในธุรกิจต่างๆ เริ่มให้ความสนใจที่จะขยายธุรกิจไปยังประเทศต่างๆ มากขึ้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นประเทศที่ “ดีเอชแอล ซัพพลายเชน” มีการดำเนินธุรกิจครอบคลุมอยู่แล้ว เช่น ฟิลิปปินส์ พม่า ลาว เวียดนาม และกัมพูชา