แนะกลยุทธ์เจาะตลาด e-Commerce

“ร้านค้าควรจะคิดรูปแบบการนำเสนอโปรโมชันใหม่ๆ เนื่องจากการแข่งขันระหว่างประเทศจะเข้มข้นมากขึ้น”

เป็นคำกล่าวของ “ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ” กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ “ราคูเท็น ตลาดดอทคอม” ซึ่งได้ออกมาเผยมุมมองเกี่ยวกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมค้าปลีกทั่วโลกในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

เขาบอกว่า การเติบโตของ Mobile Commerce หรือ M-Commerce ถือเป็นเชื้อเพลิงหลักให้กับการซื้อขายออนไลน์ โดยมีการคาดการณ์ว่าภายในสิ้นปี 2557 ตลาด e-Commerce จะขยายตัวขึ้นอีก 20.1% หรือมีเงินสะพัดถึง 1.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐทั่วโลก คิดเป็นเงินไทยประมาณ 48 ล้านล้านบาทไทย โดยตลาด B2C หรือการค้าจากธุรกิจสู่ผู้บริโภคในทวีปเอเชียแปซิฟิกจะขยายขึ้นเกือบ 2 เท่าจาก 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 5.25 แสนล้านเหรียญสหรัฐภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี ในขณะเดียวกันคาดว่ารายได้ของตลาด e-Commerce ในประเทศไทยในปี 2557 น่าจะสูงถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาท

“แม้ว่าอัตราการเติบโตในปี 2558 มีแนวโน้มจะชะลอตัวลง แต่ยอดขายของตลาด e-Commerce น่าจะขยายตัวขึ้นจาก 17.7% เป็น 1.77 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 56.64 ล้านล้านบาท โดย 6.8 แสนล้านบาทจากตัวเลขดังกล่าวนั้นน่าจะมาจากทวีปเอเชียแปซิฟิก”

“ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ” ให้ความเห็นด้วยว่า ตลาด e-Commerce ในประเทศไทยมีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นอีก 6 พันล้านบาทในระหว่างปี 2563-2568 โดยร้านค้าหัวสมัยใหม่หลายรายเริ่มมองหาแนวทางการเติบโตใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนการตลาดที่ถูกต้อง หรือสร้างกลยุทธ์ที่เจาะจงกลุ่มลูกค้าซึ่งจะเป็นฝ่ายชนะใจลูกค้าในที่สุด

*** โปรโมชันออนไลน์อัดดุเดือด ***
เนื่องจากร้านค้า e-Commerce เพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นวิธีการดึงดูดลูกค้าได้ดีที่สุดของทุกรายจึงหนีไม่พ้นเรื่อง “การจัดโปรโมชัน” ทั้งลดราคาและแจกคะแนนสะสม โดยผู้ที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดก็คือ “ผู้บริโภค” ทำให้ความจงรักภักดีของผู้บริโภคต่ำมาก เพราะใครเสนอราคาที่ถูกกว่าและต่ำกว่าผู้บริโภคก็พร้อมจะเปลี่ยนใจไปซื้อได้ทันที ดังนั้นเพื่อเป็นการสร้างความแตกต่างและอยู่เหนือคู่แข่งรายอื่นๆ ร้านค้าจึงควรจะสร้างความประทับใจใน “การซื้อครั้งแรก” (1st purchase) พร้อมกับปรับปรุงบริการหลังการขายให้ลูกค้าปัจจุบัน โดยใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดียให้เป็นช่องทางหลักในการสื่อสารกับลูกค้า

*** การตลาดแบบเจาะจงแต่ละบุคคล ***
ด้วยการเปิดกว้างของเทคโนโลยีทำให้เราสามารถทราบถึงข้อมูลและพฤติกรรมของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นว่าลูกค้าเป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย อยู่ต่างจังหวัด หรือกรุงเทพฯ ซื้ออะไร เมื่อไร รวมถึงข้อมูลของต่างๆ อีกมากมาย ทำให้นักการตลาดสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์เพื่อทำโปรโมชันแบบ “ระบุกลุ่มเป้าหมาย” หรือ “ระบุตัวคน” ได้ ซึ่งจะทำให้การสื่อสารในโลกออนไลน์เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างแม่นยำมากขึ้น

ปัจจุบันนักลงทุนหลายๆ รายต่างเริ่มสนใจที่จะลงทุนในธุรกิจ e-Commerce กันมากขึ้น ทำให้ผู้เล่นปัจจุบันต้องพัฒนาเกมและแผนการตลาดของตนเองโดยใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลมาช่วย เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์เพื่อทำการตลาดแบบระบุกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะตลาดสินค้าเฉพาะกลุ่ม เช่น เสื้อผ้าคนอ้วน, เสื้อผ้า-รองเท้ากีฬา, อุปกรณ์ทำสวน เป็นต้น ซึ่งสินค้าเฉพาะกลุ่มเหล่านี้มีกำลังซื้อสูงมาก โดยเฉพาะหากสินค้านั้นๆ มีคุณภาพด้วยแล้วก็จะสามารถชนะใจลูกค้ากลุ่มนี้ได้ง่ายๆ และสามารถแสดงความแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นๆ ได้

*** ยุคทองของการค้าผ่านโทรศัพท์มือถือ ***
“ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ” กล่าวอีกว่า ปัจจุบันเราได้ก้าวเข้าสู่ยุคที่คนไทยในทุกชนชั้นใช้โทรศัพท์มือถือเป็นช่องทางหลักในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ตแล้ว โดย “ราคูเท็น ตลาดดอทคอม” พบว่าคนไทยใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือมากกว่า 77% ขณะเดียวกันหลายคนยังเริ่มต้นใช้อินเทอร์เน็ตครั้งแรกผ่านโทรศัพท์มือถือซึ่งตัวเลขยังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ร้านค้า e-Commerce มีมุมมองที่น่าสนใจว่าลูกค้ากำลังขยับขยายการชอปปิ้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์ไปชอปปิ้งผ่านโทรศัพท์มือถือแทน ดังนั้นหากธุรกิจออนไลน์รายใดยังไม่มีเว็บไซต์ที่มีหน้าที่รองรับขนาดของโทรศัพท์มือถือและยังไม่มีการตลาดที่เน้นให้คนเข้ามาทางโทรศัพท์มือถือโดยเฉพาะ ย่อมอาจจะสูญเสียลูกค้าให้คู่แข่งได้ง่ายๆ

“ในปี 2558 คาดจะมีจำนวนร้านค้าปลีกที่จะลงทุนในเว็บไซต์ที่รองรับการใช้งานบนโทรศัพท์มือถือเป็นจำนวนมาก เพราะการเติบโตที่รวดเร็วของ M-Commerce จะขับเคลื่อนการค้าให้ครอบคลุมช่องทาง และจะทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่น่าประทับใจบนหลายแพลตฟอร์ม”