กรมเชื้อเพลิงฯ เผยมรสุมที่จะพัดเข้าอ่าวไทยยังไม่ส่งผลกระทบต่ออัตราการผลิตปิโตรเลียมของประเทศ แต่ยังคงเกาะติดใกล้ชิด เผยแท่นขุดเจาะส่วนใหญ่ยังอยู่ห่างจากศูนย์กลางพายุยังไม่ถึงระดับสีแดงซึ่งน่าห่วงสุด มีเพียงระดับสีเขียว เหลือง ส้มคือระดับปานกลาง ซึ่งเป็นแหล่งของเชฟรอนและ ปตท.สผ. ล่าสุดทั้ง 2 บริษัทอพยพคนขึ้นฝั่งแล้วรวม 990 คน
นางพวงทิพย์ ศิลปศาสตร์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ที่อาจจะเกิดมรสุมบริเวณอ่าวไทยระหว่างวันที่ 7-9 พฤศจิกายน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้ติดตามการดำเนินงานของบริษัทผู้ได้รับสัมปทานผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทย ล่าสุดยังไม่ส่งผลกระทบต่ออัตราการผลิตปิโตรเลียมของประเทศแต่อย่างใด แต่หากมีผลกระทบที่มีระดับความรุนแรงสูงขึ้น กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติจะเร่งดำเนินการบริหารจัดการเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยคำนึงถึงทั้งความปลอดภัยของพนักงานเจ้าหน้าที่ และความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ จากการติดตามสถานการณ์ได้แบ่งเป็น 4 ระดับ โดยใช้ระยะห่างระหว่างจุดศูนย์กลางของพายุกับฐานผลิตปิโตรเลียม ดังนี้ 1. สีเขียว ระยะห่างมากกว่า 650 ไมล์ทะเล 2. สีเหลือง ระยะห่าง 550-650 ไมล์ทะล 3. สีส้ม ระยะห่าง 450-550 ไมล์ทะเล 4. สีแดง ระยะห่าง 350 ไมล์ทะเล หรือน้อยกว่า
โดยพบว่า บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด มีแหล่งที่อยู่ในรัศมีที่จะได้รับผลกระทบในระยะสีเหลือง-สีส้ม คือ แหล่งไพลิน นอร์ทไพลิน สตูล เบญจมาศ เรือเบญจมาศ ฟูนาน ปลาทอง ซี่งบริษัทได้ดำเนินการเคลื่อนย้ายพนักงานเจ้าหน้าที่ขึ้นฝั่งรวมประมาณ 700 คน โดยใช้เรือลำเลียงกว่า 23 ลำ
ขณะที่บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. มีแหล่งที่อยู่ในรัศมีที่จะได้รับผลกระทบในระยะสีเขียว-สีเหลือง คือ แหล่งบงกช และแหล่งอาทิตย์ ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการเคลื่อนย้ายเรือที่พักอาศัย จำนวน 2 ลำ ที่มีพนักงานอาศัยจำนวนทั้งสิ้น 290 คน ไปยังเกาะกูด
