นักธุรกิจมือดีภูเก็ต “ทรงเจริญ” ทุ่มเม็ดเงิน 200 ล้านบาทผุดมินิคอมเพล็กซ์ เนรมิต “ปาล์ม สแควร์” ใจกลางหาดกะตะ ทำศูนย์รวมอาหารนานาชาติครบวงจร และศูนย์สุขภาพฉีกตลาดคู่แข่ง ตั้งเป้าดึงคนไทยใช้บริการเพิ่ม เชื่อมีกำลังซื้อสูง ชูจุดเด่นสถาปัตยกรรมสไตล์โปรตุเกสและเอกลักษณ์เหมืองแร่เก่าของภูเก็ตสร้างความแปลกใหม่ ผู้ประกอบการปลื้ม คสช.จัดระเบียบชายหาด แท็กซี่ เรียกภาพลักษณ์ท่องเที่ยวภูเก็ตกลับคืน
นายทรงเจริญ ปรมะเจริญโรจน์ นักธุรกิจท้องถิ่นในจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงโครงการลงทุนบริเวณหาดกะตะว่า ได้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตของการท่องเที่ยว จึงได้ทุ่มงบลงทุนกว่า 200 ล้านบาทเพื่อทำโครงการ “ปาล์ม สแควร์” ผุดเป็นมินิคอมเพล็กซ์ ที่บริเวณหาดกะตะ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีความตั้งใจให้เป็นจุดศูนย์รวมของอาหารนานาชาติ ทั้งอาหารจีน ญี่ปุ่น เกาหลี อิตาเลียน ไทย รวมทั้งศูนย์เอนเตอร์เทนต่างๆ และแหล่งรวมสุขภาพ ซึ่งโครงการนี้มีการออกเป็นอาคารสไตล์โปรตุเกสผสมผสานกับรูปแบบของเหมืองแร่เก่า ซึ่งสร้างความแตกต่างด้วยสถาปัตยกรรม ทำให้มีบรรยากาศที่มีความโดดเด่นและแตกต่างจากโครงการอื่นๆ ในย่านหาดกะตะ
ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถเปิดให้ครบวงจรได้ในช่วงปลายปีนี้ เพื่อรองรับช่วงไฮซีซันที่มีนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติจะเดินทางเข้ามามากขึ้น ปัจจุบันนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในภูเก็ตส่วนใหญ่ยังเป็นชาวต่างชาติประมาณ 80% ส่วนคนไทยยังมีจำนวนน้อย เนื่องจากนักท่องเที่ยวไทยมีความกังวลเรื่องค่าใชัจ่ายที่แพง และการบริการ ซึ่งตอนนี้ต้องพยายามลบภาพเก่าๆ และยอมรับว่าตลาดคนไทยเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง จึงอยากเชิญชวนคนไทยเข้ามาใช้บริการให้มากขึ้น
“ย้ำมาตลอดกับผู้ประกอบการและผู้ให้บริการว่าต้องดูแลคนไทยให้มากขึ้น ไม่เช่นนั้นธุรกิจอยู่ไม่ได้ เพราะตลาดคนไทยมีกำลังซื้อสูง และมีคุณภาพ ชั่วโมงนี้คนไทยมีกำลังซื้อมากกว่าต่างชาติ เมื่อเขาเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ กำลังซื้อลดลงจึงต้องปรับกลยุทธ์มาบุกตลาดคนไทยแทนและให้ความสำคัญมากขึ้น และเชิญชวนให้คนไทยมาหาประสบการณ์ด้านท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น”
นายทรงเจริญกล่าวว่า แนวโน้มของผู้ประกอบการในบริเวณหาดกะตะ ภูเก็ตนั้น จะเห็นว่าโครงการโรงแรมต่างๆ มีเพียงพอแล้ว พร้อมที่จะรองรับนักท่องเที่ยว ส่วนที่ขาดเหลือเป็นส่วนเรื่องการบริการด้านต่างๆ เช่น ศูนย์อาหาร ชอปปิ้ง และการบริการอื่นๆ เช่น สปา นวด เป็นการเสริมศักยภาพการท่องเที่ยวของกะตะให้คึกคักเพิ่มขึ้น
สำหรับนโยบายการจัดระเบียบของ คสช.ในช่วงที่ผ่านมานั้น ในบริเวณชายหาดต้องขอชมเชยว่าเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการพอใจเป็นอย่างมาก เพราะสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นแก่นักท่องเที่ยวบริเวณชายหาด หาดทั้งหมดกลับมาเป็นชายหาดสาธารณะทุกคนสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์เพื่อการพักผ่อนได้ ทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความสะดวกและมั่นใจเมื่อมาพักผ่อนที่ชายหาด ส่วนปัญหาการจัดระเบียบรถป้ายดำที่สร้างปัญหากับนักท่องเที่ยว เช่น เรียกเก็บค่าบริการเกินความจริง ปล่อยทิ้งผู้โดยสาร หลอกลวงผู้โดยสาร เอารัดเอาเปรียบ ตรงนี้เป็นการทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยว จึงต้องการให้รัฐบาลรีบเข้ามาดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้เกิดขึ้น