ค่าการตลาดน้ำมันผู้ค้าทั้งดีเซล เบนซิน พุ่งปรี๊ด 2-2.50 บาทต่อลิตรรอลุ้นการตัดสินใจจากผู้ค้าลดราคากลุ่มเบนซินลง และรัฐเร่งเรียกถก “กบง.” รีดเงินดีเซลโปะกองทุนฯ ล้างหนี้กองทุนน้ำมันฯ เป็นบวก
แหล่งข่าวจากวงการผู้ค้าน้ำมันเปิดเผยว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปปิดตลาดวันที่ 13 ต.ค.ยังคงปรับลดต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าการตลาดของผู้ค้าวันที่ 14 ต.ค.กลุ่มน้ำมันเบนซินเฉลี่ยอยู่ในระดับสูงกว่า 2.50 บาทต่อลิตร ขณะที่ดีเซลอยู่ที่ระดับ 2 บาทต่อลิตร ดังนั้นผู้ค้าน้ำมันสามารถปรับลดราคาขายปลีกในกลุ่มเบนซินลงได้ทันที อย่างไรก็ตาม คาดว่าทางผู้ค้ารอการเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่คาดว่าจะมีขึ้นในเร็วๆ นี้เพื่อรอดูมติว่าจะมีการบริหารกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างไร
“ส่วนของดีเซลนโยบายคงจะมีการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพิ่มอีกเพื่อเร่งล้างหนี้กองทุนน้ำมันฯ ที่ขณะนี้ติดลบประมาณ 2,000 กว่าล้านบาทให้หมดเร็วขึ้นได้ทันที ส่วนกลุ่มเบนซินก็จะต้องรอดูมติ กบง.ว่าจะมีการปรับลดการเก็บเงินกองทุนน้ำมันฯ อีกหรือไม่ หลังก่อนหน้านี้ลดลงมาให้ 10 สตางค์ต่อลิตร” แหล่งข่าวกล่าว
รายงานจาก บมจ.ไทยออยล์แจ้งว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส (WTI) ปิดตลาดเมื่อวันที่ 13 ต.ค. ลดลงเล็กน้อยปิดที่ 85.74 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ปรับตัวลดลงมาปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 53 โดยปิดที่ 88.89 เหรียญต่อบาร์เรล ลดลง 1.32 เหรียญต่อบาร์เรล หลังถูกกดดันจากการส่งสัญญาณของซาอุดีอาระเบียว่าสามารถยอมรับระดับราคาน้ำมันดิบที่ต่ำกว่า 90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลได้จนถึงระดับ 80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เป็นระยะเวลายาวนานกว่า 2 ปี
ซึ่งแสดงให้เห็นว่าซาอุดีอาระเบียคงจะไม่ปรับลดปริมาณการผลิตลงในเร็วๆ นี้เพื่อกระตุ้นให้ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น ประกอบกับคูเวต หนึ่งในสมาชิกของโอเปกที่มีการเปิดเผยว่า การปรับลดปริมาณการผลิตของกลุ่มจะไม่สามารถช่วยพยุงราคาน้ำมันได้มากนัก เนื่องจากอุปทานที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้นเป็นอุปทานที่มาจากสหรัฐฯ และรัสเซีย ขณะที่น้ำมันดิบดูไบปรับลดลง 0.32 เหรียญต่อบาร์เรล ปิดที่ 87.58 เหรียญต่อบาร์เรล
สำหรับราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ เบนซิน 95 ปรับลดลง 1.34 เหรียญต่อบาร์เรล ปิดที่ 100.27 เหรียญต่อบาร์เรล ส่วนดีเซลลดลง 0.19 เหรียญต่อบาร์เรล ปิดที่ 100.24 เหรียญต่อบาร์เรล