ซุ่มศึกษาตลาด 3 ปีก่อนสบช่องว่างจับมือนักธุรกิจท้องถิ่น “บากัน เมียนมาร์” ทุ่ม 60 ล้านบาทจัด “โชว์บิซ” ชุด “ดันดารี” นำเสนอการแสดงผสานแสงสีเสียงเป็นครั้งแรกในพม่า คาดได้รับการตอบรับดีจากนักท่องเที่ยวยุโรปและญี่ปุ่นระดับไฮเอนด์ มั่นใจช่วยยกระดับรายได้ 5 กลุ่มธุรกิจทะลุ 100 ล้านบาท เพิ่มสัดส่วนต่างประเทศเป็น 10% ในปี 58
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศพม่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.9 ล้านคนในปี 2556 เติบโตกว่าปีก่อนถึง 93% และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 3.1 ล้านคนในปี 2557 ขณะเดียวกันรัฐบาลประเทศพม่ายังกำหนดให้ปี 2559 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยว โดยคาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวถึง 7.8 ล้านคนในปี 2563
บริษัทฯ เห็นโอกาสการเติบโตทางธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศพม่า จึงร่วมมือกับ บริษัท บากัน เมียนมาร์ จำกัด ผู้นำธุรกิจด้านการท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร และอสังหาริมทรัพย์ ในเมืองพุกาม ประเทศพม่า เพื่อดำเนินธุรกิจ “โชว์บิซ” (Show Biz) นำเสนอการแสดงวัฒนธรรมพม่าแบบร่วมสมัย ผสานเทคนิคแสงสีเสียงเป็นครั้งแรกในประเทศพม่า ภายใต้ชื่อ “ดันดารี” (Dandaree) ซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นแปลว่า “เรื่องราว” หรือ “ตำนาน”
การจัดแสดงชุด “ดันดารี” ใช้เงินลงทุนประมาณ 60 ล้านบาท ทั้งในเรื่องโปรดักชัน นักแสดง การก่อสร้างเวทีและที่นั่ง และอื่นๆ เพื่อนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับศิลปะ วัฒนธรรม กีฬา การแสดงพื้นบ้าน และประวัติศาสตร์ความเจริญรุ่งเรืองของประเทศพม่า ผ่านแนวคิดและทีมงานโปรดักชันของบริษัทฯ ในประเทศไทย ยกเว้นนักแสดงที่คัดเลือกนักแสดงท้องถิ่นกว่า 100 ชีวิต โดยใช้สถานที่การแสดง ณ พระราชวัง “บากัน โกลเด้น พาเลซ” (Bagan Golden Palace) เมืองพุกาม ประเทศพม่า
“เราใช้เวลาประมาณ 2-3 ปีศึกษาตลาดท่องเที่ยวในประเทศพม่า จนได้บทสรุปที่เมืองพุกาม หรือเรียกตามภาษาถิ่นว่าเมืองบากัน ซึ่งถือเป็น 1 ใน 3 เมืองที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุด ประมาณ 2.5 พันคนต่อวัน รองจากเมืองย่างกุ้งและมัณฑะเลย์ โดยในส่วนของพระราชวังบากัน โกลเด้น พาเลซ ยังถือเป็น 1 ใน 3 พระราชวังที่มีความสวยงามตามเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมแบบพม่าที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมเดินทางมาเยี่ยมชม”
นายเกรียงไกรกล่าวอีกว่า เมืองพุกามเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีความสงบและไม่ค่อยมีกิจกรรมการท่องเที่ยวมากนัก บริษัทฯ จึงมั่นใจว่าการแสดงชุด “ดันดารี” จะมีส่วนช่วยสร้างสีสันและกระตุ้นการท่องเที่ยวในเมืองพุกามให้คึกคักเพิ่มขึ้น โดยจะเปิดการแสดงเฉพาะช่วงฤดูท่องเที่ยวสูงสุด หรือไฮซีซัน ระหว่างเดือน พ.ย.-มี.ค.ของทุกปีเป็นระยะเวลาเพียง 5 เดือน โดยกำหนดเปิดการแสดงทุกวันตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 57 จนถึงวันที่ 30 มี.ค. 58 รวมกว่า 150 รอบ
“เราจำหน่ายบัตรราคาเริ่มต้น 50 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.6 พันบาท พร้อมอาหารว่าง โดยกำหนดราคาสูงสุดคือ 70 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2.2 พันบาท พร้อมอาหารมื้อค่ำ โดยรายได้จากการจำหน่ายบัตรจะจัดสรรผลประโยชน์ในลักษณะแชริ่งกับบริษัท บากัน เมียนมาร์ จำกัด”
สำหรับช่องทางสร้างการรับรู้และทำตลาดจะเน้นทำกิจกรรมโรดโชว์กับเอเยนซีธุรกิจท่องเที่ยวชั้นนำในประเทศพม่าและผ่านเว็บไซต์ www.dandaree.com โดยเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรปและประเทศญี่ปุ่นที่มีกำลังซื้อสูง โดยคาดว่าในปีแรกจะสามารถทำรายได้อย่างน้อย 75 ล้านบาท และสามารถคืนทุนได้ภายใน 3-4 ปี จากนั้นจะมีการพัฒนารูปแบบ หรืออาจต่อยอดธุรกิจโดยนำไปจัดแสดงในประเทศอื่นๆ ต่อไป เช่น เวียดนาม เป็นต้น
นายเกรียงไกรกล่าวอีกว่า บริษัทฯ เริ่มเข้าไปดำเนินธุรกิจในประเทศพม่าตั้งแต่ปี 2554 จนปัจจุบันถือเป็นผู้นำตลาดใน 5 ธุรกิจหลัก คือ 1. อีเวนต์ มาร์เกตติ้ง 2. เฟสทีฟ อีเวนต์ 3. การศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคผ่านงานวิจัย 4. การสร้างช่องทางการสื่อสารแบบผสมผสาน 5. การจัดงานแสดงสินค้า โดยที่ผ่านมาสามารถทำรายได้ประมาณ 4-5% จากรายได้รวม แต่คาดว่าหลังจากเปิดธุรกิจใหม่ครั้งนี้แล้วจะสามารถเพิ่มสัดส่วนเป็น 10% หรือประมาณ 100 ล้านบาทในปี 2558
“ปัจจุบันประเทศพม่ามีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในปี 2557 จะมีอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP สูงถึง 8.4-8.5% จึงทำให้มีธุรกิจจากประเทศไทยและแบรนด์ระดับโลกต่างๆ เข้าไปทำตลาดอย่างมากมาย ทั้งโค้ก ซัมซุง เนสท์เล่ ฟอร์ด สิงห์ นกแอร์ บางกอกแอร์เวย์ส ปตท.สผ. เอสซีจี และอื่นๆ ส่งผลให้ธุรกิจโดยรวมของบริษัทฯ เติบโตขึ้น โดยคาดว่าในปี 2558 การจัดงานแสดงสินค้าในประเทศพม่าจะเป็นธุรกิจที่ทำรายได้ให้บริษัทฯ ค่อนข้างมากและมีจำนวนงานมากถึง 4-5 งาน จากเดิมที่จัดมาแล้ว 3 งานในปี 2557” นายเกรียงไกรกล่าวในที่สุด