“ค้าปลีก” แข่งดุรับโค้งท้ายสิ้นปี ชี้แนวทางแข่งขันหนักทั้งโปรโมชั่น ราคา และกิจกรรมส่งเสริมการขาย “ท็อปส์” ลุยแคมเปญใหญ่ต่อเนื่อง ล่าสุดร่วมโครงการตราสัญลักษณ์ "ไทยแลนด์ ทรัสต์ มาร์ค”
นางสาวภัทรพร เพ็ญประพัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้บริหารเครือข่ายซูเปอร์มาร์เกต “ท็อปส์” ของเซ็นทรัล เปิดเผยว่า ไตรมาสสุดท้ายของปีถือเป็นช่วงที่มีการแข่งขันอย่างมากของผู้ประกอบการค้าปลีกมากกว่าทุกไตรมาสของปี เพราะจะมีการจัดทำกิจกรรมทางการตลาดและการทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขายเพื่อรับช่วงเทศกาลจับจ่ายสิ้นปี โดยในส่วนของเซกเมนต์ซูเปอร์มาร์เกตคาดว่าคงจะแข่งกันทางด้านราคาซึ่งอาจจะมีลดราคาประมาณ 5-20% ขณะที่เซกเมนต์ดิสเคานต์สโตร์อาจจะมีการลดราคามากกว่านั้น หรือประมาณ 50% เพราะมีสินค้ามากกว่าทั้งจำนวนและประเภทจึงสามารถลดราคาได้มากกว่า
ในส่วนของบริษัทฯ จะมีการจัดกิจกรรมใหญ่ๆ ต่อเนื่อง 2-3 แคมเปญใหญ่ เช่น การจัดเทศกาลอาหารจากญี่ปุ่นที่ดำเนินการอยู่และเตรียมที่จะจัดเทศกาลอาหารจากบาวาเรีย เยอรมนี ในกลางเดือนตุลาคมนี้ ขณะที่ล่าสุดนี้ได้จัดเทศกาลเจ โดยมีเมนูเจที่ออกมาประมาณ 100 รายการ มากกว่าปีที่แล้วที่ออกมาประมาณ 50-60 รายการเท่านั้น คาดว่าหลังจากจบเทศกาลเจแล้วจะมียอดขายเติบโต 20-30% ซึ่งปีนี้มีความพิเศษตรงที่มีเทศกาลกินเจ 2 ครั้ง บริษัทฯ จึงมีการสต็อกสินค้าอาหารเจไว้มากขึ้นเพื่อรองรับความต้องการ ส่วนการขยายสาขาใหม่จากนี้จนถึงสิ้นปีจะมีอีก 10-12 สาขา เช่น ที่โรบินสัน ร้อยเอ็ด โรบินสัน สมุทรปราการ ที่แจ๊สวังหิน เป็นต้น และตั้งเป้าหมายรายได้รวมปีนี้เติบโต 10-12%
นางสาวภัทรพร กล่าวต่อว่า ล่าสุดบริษัทฯ ได้จับมือร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ในโครงการส่งเสริมตราสัญลักษณ์ “ไทยแลนด์ ทรัสต์ มาร์ค” (Thailand Trust Mark) ซึ่งถือเป็นซูเปอร์มาร์เกตรายแรกที่เริ่มโครงการนี้ โดยการนำสินค้าที่ได้รับสัญลักษณ์ TTM มาจัดจำหน่ายในสาขาทุกแห่ง ซึ่งปัจจุบันมีสินค้าโอนแบรนด์ หรือสินค้าของบริษัทเอง ภายใต้แบรนด์ คุกกิ้ง ฟอร์ฟัน, มายช้อยส์ และท็อปส์ที่ได้รับสัญลักษณ์ดังกล่าวมากกว่า 60 รายการ และสินค้าของซัปพลายเออร์อีกมากกว่า 400 รายการมาจำหน่ายในทุกสาขาของบริษัทฯ มากกว่า 70 แห่ง และมีซุ้มที่จัดกิจกรรมใน 4 สาขาคือ เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัล พระรามสาม เซ็นทรัล บางนา และเซ็นทรัล ลาดพร้าว
ทางด้าน นางดวงกมล เจียมบุตร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ตราสัญลักษณ์ดังกล่าวเป็นเครื่องมือส่งเสริมการขายสินค้าของคนไทยเพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคถึงคุณลักษณะที่ดีของสินค้าและบริการของไทย โดยสินค้าที่ได้รับสัญลักษณ์ดังกล่าวต้องผลิตโดยบริษัทที่มีความพร้อมทางด้านคุณภาพและมาตรฐานต่างๆ มีกระบวการผลิตที่ดี คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและทำซีเอสอาร์ และมีสวัสดิภาพของแรงงานที่ดี
สำหรับจำนวนผู้ได้รับตราสัญลักษณ์ “ไทยแลนด์ ทรัสต์ มาร์ค” และวางขายในเครือของท็อปส์จำนวน 82 บริษัท มากกว่า 457 รายการสินค้า แยกเป็นบริษัทที่ติดตราสัญลักษณ์ TTM ที่ผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายท็อปส์ และเซ็นทรัลฟูดฮอลล์ จำนวน 65 บริษัท 380 รายการสินค้า และบริษัทที่ยังไม่ติดตราสัญลักษณ์ TTM ที่ผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายในท็อปส์ 19 บริษัท 77 รายการสินค้า