บิ๊ก “ดีทแฮล์ม” ร่วมทุนมาเลเซีย รับไลเซนส์ร้านราเมงญี่ปุ่น “อิปูโด” (IPPUDO) ลุยตลาดไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ประเดิมสาขาแรกที่ “เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่” แผน 3 ปีผุด 5 สาขาในไทย เผยเดือนหน้าเปิดสาขาที่อินโดนีเซีย
นางสาวยิน อิน ชึง กรรมการ บริษัท อิปูโด ไทยแลนด์ จำกัด ผู้รับสิทธิ์ร้านอาหารแบรนด์ “อิปูโด” (IPPUDO) จากประเทศญี่ปุน เปิดเผยว่า บริษัทฯ ดังกล่าวเป็นการร่วมทุนระหว่างนักธุรกิจชาวมาเลเซียกับนายสมบูรณ์ ประสิทธิ์จูตระกูล ประธาน บริษัท ดีเคเอสเอช ประเทศไทย จำกัด ซึ่งเดิมคือ “ดีทแฮล์ม” ซึ่งเป็นการร่วมทุนส่วนตัวเพื่อรับไลเซนส์แฟรนไชส์ร้านอาหารราเมง “อิปูโด” จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นอาหารประเภทราเมง มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมอย่างมากในญี่ปุ่น เริ่มดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1985 แล้ว
ทั้งนี้ บริษัทฯ มองว่าตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยได้รับความนิยมอย่างมาก มีการเติบโตต่อเนื่อง และมีการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง จึงมีความสนใจที่จะเข้าสู่ธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยบ้างโดยการนำแบรนด์ดังจากญี่ปุ่นมาลงทุนในไทย ขณะเดียวกันพฤติกรรมของคนไทยก็นิยมรับประทานอาหารนอกบ้านมากขึ้นและอาหารญี่ปุ่นก็เป็นทางเลือกที่คนไทยชอบด้วย จึงมั่นใจว่าจะได้รับความนิยมจากคนไทย
“สำหรับสาขาแรกเปิดบริการเมื่อวันศุกร์ที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมาเป็นวันแรกที่ ชั้น 3 เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ พื้นที่ 280 ตารางเมตร มี 96 ที่นั่ง เมนูอาหารส่วนใหญ่จะค่อนข้างหนักไปทางราเมง ซึ่งมองว่าคนไทยชอบรับประทานราเมงมากกว่าซูชิเช่นเดียวกับในญี่ปุ่น มีรายการอาหารให้เลือกประมาณ 30 เมนู ราคาราเมงเฉลี่ย 200 บาทต่อชามขึ้นไป นอกจากนั้นก็มีเมนูอื่น เช่น เกี๊ยวซ่า ซูชิ เป็นต้น”
ส่วนแผนการขยายธุรกิจร้าน “อิปูโด” ในไทยนั้นวางแผนว่าจะเปิดให้ได้ประมาณ 5 สาขาภายในช่วง 3 ปีแรกนี้ เน้นพื้นที่เปิดในกรุงเทพฯ เป็นหลัก แต่อาจจะมีต่างจังหวัดบ้างในเมืองท่องเที่ยว เช่น ภุเก็ต เชียงใหม่ โดยเป็นการลงทุนของบริษัทฯ เองก่อน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหาทำเลที่เหมาะสมที่จะเปิดสาขาต่อไป
อย่างไรก็ตาม นอกจากการขยายธุรกิจในไทยแล้ว บริษัทฯ ยังได้รับสิทธิ์ในการนำแบรนด์ “อิปูโด” ไปลงทุนในต่างประเทศอีก 2 ประเทศด้วยคือ มาเลเซียและอินโดนีเซีย ซึ่งทั้งสองประเทศนี้ก็เป็นประเทศที่ร้านอาหารญี่ปุ่นมีการเติบโตที่ดีเช่นกัน โดยคาดว่าในเดือนหน้าจะสามารถเปิดสาขาแรกของ “อิปูโด” ในประเทศอินโดนีเซียได้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มว่า สัปดาห์ที่แล้วเครือสหพัฒน์ก็เพิ่งเปิดตัวบริษัทร่วมทุนกับ นายกิตติ อุรุพัฒนาการ ประธานบริษัท เอ.ที.วี.โฮลดิ้ง จำกัด เจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยชื่อ “นิปปอน เทอิ” ถือหุ้น 61% และทางญี่ปุ่นคือ บริษัท ซาโต เรสเตอรองต์ ซิสเท็มส์ จำกัด เจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นแบรนด์ “วาโชกุ ซาโต” ถือหุ้น 19% ส่วนสหพัฒน์ถือหุ้น 20% จัดตั้งบริษัท นิปปอนเต ซาโต จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 60 ล้านบาท เพื่อนำเข้าและบริหารจัดการร้าน “วาโชกุ ซาโต” ในไทย เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นประเภทชาบูบุฟเฟต์ ซึ่งนายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ ระบุว่า ตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยมีมูลค่าตลาดมากกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท มีการเติบโตเฉลี่ย 10-15% ต่อปีและมีแนวโน้มเติบโตเรื่อยๆ