ASTVผู้จัดการรายวัน - “เอเอสทีวี” ลุ้นออกอากาศอีกครั้งภายในสัปดาห์นี้ พร้อมเปลี่ยนชื่อช่องเป็น “NEWS 1” ล่าสุด คสช.นำเรื่องเข้าที่ประชุมแล้ว ฟากช่อง 3 ยืนยันเดินหน้าแอนะล็อกปกติ แม้ศาลปกครองมีคำสั่งยกคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว ส่วนแผนทีวีดิจิตอลเลื่อนจัดเต็มเป็นปีหน้าแทน ล่าสุดจับมือ “ซีทีเอช” ชู “พรีเมียร์ลีก” ดึงดูดใจผู้ชมสู่ดิจิตอลทีวี หวังสิ้นปีรายได้ช่อง 3 ทรงตัว
ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้นัดตัวแทนจากสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม 12 ช่องที่ถูกระงับการถ่ายทอดออกอากาศมาหารือร่วมกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อหาทางออกในการกลับมาออกอากาศได้อีก ภายใต้เงื่อนไขของทาง คสช.ที่ตั้งขึ้นมา 3 ข้อ คือ 1. การเปลี่ยนชื่อช่อง 2. การปรับผังรายการ และ 3. ห้ามละเมิดเนื้อหารายการ ตามคำสั่งฉบับที่ 97/2557 ที่ประกาศออกมาเมื่อค่ำวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น
นายปรเมนทร์ ภักดิ์วาปี ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม “เอเอสทีวี” เปิดเผยว่า สถานีฯ ได้ยื่นหนังสือให้ กสทช.เพื่อนำเรื่องดังกล่าวยื่นต่อให้ คสช.พิจารณา ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา โดย “เอเอสทีวี” พร้อมปฏิบัติตามเงื่อนไขทั้ง 3 ข้อที่ คสช. ต้องการ คือ 1. เปลี่ยนชื่อสถานีจากเดิม “ASTVNEWS1” ตัดให้เหลือเป็น “NEWS1” 2. ผังรายการมีการเปลี่ยนแปลงบางส่วนตามความเหมาะสม และ 3. ปฏิบัติตามคำสั่งฉบับที่ 97/2557
ล่าสุดวานนี้ (14 ส.ค) ได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ กสทช.เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ทราบว่า กสทช.ได้นำเรื่องนี้ส่งมอบไปยัง คสช.แล้ว และ คสช.ได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมแล้วเมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา หลังจากนั้นจะนำคำสั่งของ คสช.กลับมาที่ กสทช.อีกครั้ง และจะประกาศให้ “เอเอสทีวี” รวมถึงสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมที่ยื่นเรื่องไปพร้อมกันให้รับทราบ โดยคาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะรู้ผล
“จากการดำเนินแผนตามเงื่อนไขของทาง คสช.กำหนด เชื่อว่าผังรายการใหม่รอบนี้จะไม่มีปัญหา และทางสถานีฯ จะสามารถกลับมาออกอากาศได้อีกครั้งภายใต้ชื่อช่องใหม่คือ NEWS1” นายปรเมนทร์กล่าว
*** ช่อง 3 ลุยแอนะล็อกต่อ ***
ในส่วนของช่อง 3 จากกรณีวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา ศาลปกครองมีคำสั่งยกคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว ก่อนมีคำพิพากษา กรณีช่อง 3 หรือบริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ยื่นฟ้อง กสทช. และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ต่อศาลปกครองให้มีคำสั่งชะลอ หรือระงับการปฏิบัติตามมติ กสท. ที่ระบุว่าช่อง 3 จะสิ้นสุดการเป็นฟรีทีวีตามกฎ “มัสต์แคร์รี” เป็นเพียงการแจ้งให้ทราบเท่านั้น เนื่องจากยังต้องรอศาลปกครองพิจารณาต่อไป
ล่าสุด นายสุรินทร์ กฤยาพงศ์พันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 กล่าวถึงคำสั่งศาลที่ออกมาว่า ประเด็นที่ไม่คุ้มครองนั้นเนื่องจากศาลมองว่าไม่จำเป็นต้องคุ้มครองเพราะไม่มีเหตุฉุกเฉิน แต่คดีความยังดำเนินต่อไป ดังนั้นในส่วนของช่อง 3 จึงมองว่าทุกอย่างยังคงสามารถเดินหน้าได้ตามปกติโดยได้มีการเตรียมงานรองรับไว้อยู่แล้ว
“ในวันที่ 1 ก.ย.ที่จะถึงนี้ เป็นวันสิ้นสุดการคุ้มครอง 100 วันของการออกอากาศระบบแอนะล็อกของช่อง 3 แต่ทางช่อง 3 ยังพร้อมออกอากาศในระบบเดิมตามผังรายการเดิมตามปกติและไม่มีการปรับราคาโฆษณา โดยปัจจุบันราคาโฆษณาสูงสุดยังอยู่ที่ช่วงไพรม์ไทม์คือละครหลังข่าว เฉลี่ยอยู่ที่ 4.8 แสนบาทต่อนาที โดยไม่มีการปรับเปลี่ยนโยกย้ายรายการแต่อย่างใด และจะออกอากาศในระบบนี้ไปจนกว่าทุกอย่างจะพร้อม หรือสิ้นสุดสัมปทานในอีก 4-5 ปีหลังจากนี้ ซึ่งบริษัทฯ ยังคงมีการปรึกษาหารือกับ กสทช.อยู่เรื่อยๆ เพื่อหาทางออกร่วมกัน โดย กสทช.มองว่าช่อง 3 เป็นส่วนสำคัญของการเปลี่ยนผ่านจากแอนะล็อกไปสู่ดิจิตอลทีวี”
ในส่วนช่องดิจิตอลทีวีทั้ง 3 ช่องที่ช่อง 3 ประมูลมานั้น จากเดิมที่เตรียมเริ่มอย่างจริงจังในช่วง ต.ค.ศกนี้ อาจจะเลื่อนออกไปเป็นต้นปีหน้าแทน เนื่องจากมองว่าหลายๆ อย่างยังไม่พร้อม ทั้งเรื่องความไม่พร้อมของผู้ประกอบการ ความไม่พร้อมของโครงข่าย ความไม่พร้อมในการทำงานของ กสทช. เช่น คูปองแลกกล่องดิจิตอลทีวี การประชาสัมพันธ์เรื่องดิจิตอลทีวี เป็นต้น
ส่วนรายได้ของช่อง 3 ปีนี้ทั้งปีมองว่าน่าจะโตขึ้น 3-5% จากปกติโตไม่ต่ำกว่า 10% เนื่องจากครึ่งปีแรกภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาติดลบ 7-8% เจ้าของสินค้าตัดงบโฆษณาออกไปจากสถานการณ์ทางการเมือง ส่วนสื่ิอทีวีดิจิตอลหลังออกอากาศมา 4-5 เดือนพบว่ายังทำได้ไม่ดีนัก
ด้าน นายประวิทย์ มาลีนนท์ กรรมการบริหาร สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันตัวเลขผู้ชมที่เข้าถึงช่องดิจิตอลทีวีทั้ง 24 ช่อง ประมาณ 50% ที่รับชมช่อง 3 แอนะล็อกเพียงช่องเดียว โดยในขณะนี้ช่องดิจิตอลทีวีที่ช่อง 3 ประมูลมานั้นได้เริ่มผลิตรายการเองบ้างแล้วแม้ว่าจะไม่คุ้มทุนก็ตาม เช่น รายการข่าว “ท็อปส์นิวส์”, รายการวาไรตี “กาละแมร์” ดำเนินรายการโดย “กาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ” ออกอากาศทางช่อง 3HD เรตโฆษณาอยู่ที่ 1.5 แสนบาทต่อนาที ซึ่งขณะนี้ยังขายโฆษณาได้เพียง 50% อย่างไรก็ตาม อนาคตอาจจะมีการดึงรายการที่แข็งแกร่ง หรือมีเรตติ้งดีจากช่อง 3 แอนะล็อกไปไว้ในช่องดิจิตอลทีวี โดยจะไม่นำไปทั้งผัง แต่จะเลือกเป็นรายการๆ ไป
*** ช่อง 3 ดึง EPL สู่ดิจิตอลทีวี ***
นายสุรินทร์กล่าวเสริมว่า ปีนี้ทางช่อง 3ได้จับมือกับ บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) ในการได้รับสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลบาร์เคลย์ส พรีเมียร์ลีก 2014/2015 จำนวนทั้งสิ้น 23 แมตช์ แบ่งเป็น 19 แมตช์ทางช่อง 3 แอนะล็อกที่ถ่ายทอดสดคู่กับช่อง 3HD และอีก 4-5 คู่ถ่ายทอดสดทางช่อง 3 แอนะล็อกคู่กับช่อง 3 แฟมิลี่ และช่อง 3SD ภายใต้แคมเปญ “The Stadium of Live” โดยช่อง 3 ต้องการให้คอนเทนต์พรีเมียร์ลีกเป็นส่วนหนึ่งในการดึงฐานผู้ชมของช่อง 3 ให้รับชมดิจิตอลทีวี พร้อมเลือกรับชมช่องดิจิตอลทีวีต่อไปในอนาคต ซึ่งทางช่อง 3 สามารถหารายได้จากคอนเทนต์นี้ได้ 3 ทาง คือ 1. สปอตโฆษณาระหว่างแข่งขัน 2. กิจกรรมออนกราวนด์ และ 3. รายการพรีเมียร์ลีกไฮไลต์
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีสปอนเซอร์เข้ามาแล้ว 9 ราย คือ AIS, การ์นิเย่ เม็น, เรโซนา, เคลียร์ เม็น, พอนด์ส เม็น, ยิลเล็ตต์ Mach3, ฮอนด้า, สปอนเซอร์ และโตโยต้า ด้วยแพกเกจขายที่ 18-20 ล้านบาทต่อราย