“เมจิ บัลแกเรีย” รุกตลาดโยเกิร์ต ทุ่มงบกว่า 50 ล้านบาทขยายเทรนด์คนไทยรักสุขภาพ เปิดตัวแคมเปญ “อร่อยทุกวัน ลุ้นไปเที่ยวด้วยกันกับ เมจิ บัลแกเรีย” กระตุ้นยอดครึ่งปีหลัง ดันส่วนแบ่งการตลาด 15% ภายในสิ้นปี หลังพบว่าตลาดรวมโยเกิร์ตครึ่งปีแรกที่ผ่านมาโตแค่ 5.5% ต่ำสุดในรอบ 3 ปี
นายสุจริต มัยลาภ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯ ได้เปิดตัว “เมจิ บัลแกเรีย” ซึ่งเป็นโยเกิร์ตเมื่อช่วงปลายปีที่แล้วพบว่าได้รับการตอบรับอย่างดีจากตลาดและผู้บริโภคซึ่งผลักดันให้กลุ่มผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตของ “ซีพี-เมจิ” มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 168% และยังขึ้นมาครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 2 ได้ภายในระยะเวลาเพียง 4 เดือน
“เมจิ บัลแกเรีย” ถือเป็นแบรนด์หลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดโยเกิร์ตในปี 2556 เพราะสามารถตอบโจทย์เทรนด์การดูแลสุขภาพของคนไทยที่ให้ความสำคัญต่อการดูแลสุขภาพและการเลือกอาหารการกินต่างๆ ที่ดีและมีประโยชน์ต่อสุขภาพได้เป็นอย่างดี โดยในปี 2556 มูลค่าตลาดขยับขึ้นมาเป็น 4,551 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตจากปีที่ผ่านมาถึง 17% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเติบโตที่สูงกว่าผลิตภัณฑ์นมอื่นๆ ทุกประเภท
“ปัญหาเศรษฐกิจที่ไม่ดีส่งผลให้คนลดการบริโภคลง ตลาดโยเกิร์ตปีนี้จึงค่อนข้างซบเซา ทำให้ 6 เดือนที่ผ่านมาตลาดเติบโตแค่ 5.5% ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี จากปกติที่เติบโตเฉลี่ยประมาณ 17% อย่างไรก็ตาม ในส่วนยอดขายของบริษัทฯ ช่วงที่ผ่านมาเติบโต 28% มียอดขาย 200 ล้านบาท โดยมีอัตราการบริโภคสูงกว่าที่คาดไว้ช่วงแรกที่ 50,000 ถ้วยต่อวัน
สำหรับในปี 2557 บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์ทางการตลาดที่เน้นการสร้างฐานลูกค้าปัจจุบันให้แข็งแรงและขยายไปถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ผ่านการเปิดตัวแคมเปญ “อร่อยทุกวัน ลุ้นไปเที่ยวด้วยกันกับเมจิ บัลแกเรีย” โดยใช้งบประมาณกว่า 50 ล้านบาท ทั้งโฆษณาและประชาสัมพันธ์ผ่านพรีเซ็นเตอร์ “เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข” ที่จะมาตอกย้ำจุดขายของการเป็นโยเกิร์ตแท้ต้นตำรับระดับพรีเมียมและกระตุ้นให้ผู้บริโภคคนไทยกินโยเกิร์ต “เมจิ บัลแกเรีย” ให้มากขึ้น โดยแนะนำไอเดียการกิน “เมจิ บัลแกเรีย” คู่กับอย่างอื่นที่หลากหลายและไม่จำเจ โดยบริษัทฯ คาดหวังที่จะขยายโอกาสการกิน “เมจิ บัลแกเรีย” ทั้ง 2 รสชาติให้หลากหลายมากขึ้น พร้อมดึงดูดผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ ที่เลือกกินสิ่งที่ดีกว่าเพื่อสุขภาพ เพราะสามารถนำไปกินกับผลไม้, น้ำผึ้ง, ซีเรียล, สลัด หรือเมนูอื่นๆ ได้
ทั้งนี้ การดึง “เจมส์ จิรายุ” เป็นพรีเซ็นเตอร์และการทำแคมเปญนี้จะกระตุ้นยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 200,000 ถ้วยต่อวัน เพราะหลังจากการเปิดตัวครั้งแรกสามารถกระตุ้นยอดขายได้สูง 300,000-400,000 ถ้วยต่อวัน และเริ่มทรงตัวที่ 80,000-100,000 ถ้วยต่อวัน ซี่งปีนี้คาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดเป็น 15% จากขณะนี้ที่มี 10% และคาดว่าจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดทั้งบริษัทเป็น 22% อีกด้วย
โดยคาดว่าจะเพิ่มยอดขายในช่วงแคมเปญได้ประมาณ 600 ล้านบาท หรือเติบโตกว่าช่วงอื่นประมาณ 30-40% และผลักดันให้ยอดขายทั้งปีประมาณ 700 ล้านบาท และแผนกลยุทธ์การตลาดแคมเปญนี้จะทำให้ผลิตภัณฑ์ “เมจิ บัลแกเรีย” สามารถเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายหลักของ “เมจิ บัลแกเรีย” เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รักสุขภาพ
สำหรับผู้บริโภคยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมร่วมสนุกลุ้นรางวัลมากมายกับรหัสพิเศษใต้ฝา “เมจิ บัลแกเรีย” ทุกถ้วยผ่าน 2 ช่องทางคือโทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย กด *498* ตามด้วยรหัสพิเศษ 10 หลักใต้ฝา ตามด้วย # และโทร.ออก หรือช่องทางที่ 2 ผ่านทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ MeijiBulgariaYoghurt โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม - 14 กันยายน 2557 เพื่อลุ้นรับแพกเกจทัวร์เอ็กซ์คลูซีฟทริป 4 คืน 5 วัน ประเทศญี่ปุ่น พร้อมแจกทองคำมูลค่ารางวัลละ 10,000 บาท และรางวัลอื่นๆ กว่า 100 รางวัลทุกสัปดาห์
บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด เตรียมความพร้อมเต็มที่เนื่องจากในปีที่ผ่านมาเราได้ทุ่มงบประมาณ 2,000 ล้านบาทสร้างโรงงานใหม่รองรับการบุกตลาดโยเกิร์ตอย่างเต็มตัว มีกำลังการผลิตพร้อมกระจายสินค้าให้เข้าถึงผู้บริโภคทั่วประเทศได้เต็มที่
สำหรับยอดขายรวมเฉพาะกลุ่มโยเกิร์ตในปีนี้ตั้งเป้าหมายไว้ประมาณ 1,200 ล้านบาท แยกเป็นโยเกิร์ตชนิดแข็ง 700 ล้านบาท และโยเกิร์ตชนิดทั่วไป 500 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายรวมของทั้งบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 7,000 ล้านบาท โดยที่เหลือจะมาจาก นมเปรี้ยว 600-800 ล้านบาท นมพาสเจอไรซ์ 4,000 ล้านบาท และตลาดส่งออกอีก 1,000 ล้านบาท