“ยูนิ สตาร์” บุกตลาดหลอดไฟแอลอีดีเต็มสูบ หลังซื้อหุ้นคุม “ยูนิ สตาร์ออฟโต้” 100% เมื่อกลางปีก่อนที่ผ่านมา พร้อมตั้งโรงงานผลิตรับตลาดต่างประเทศในอนาคต ชูเทคโนโลยีสู้เจ้าแบรนด์หลัก มั่นใจสิ้นปีรายได้โตขึ้น 50%
นายผดุงเกียรติ อภิชัยเดชอุดม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิสตาร์ ออฟโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2554 ด้วยทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท ซึ่งมีผู้ถือหุ้นหลัก 2 กลุ่มคือ คนไทย 51% และไต้หวัน 49% ต่อมามีแนวทางในการดำเนินธุรกิจต่างกัน กลุ่มคนไทยจึงได้ขอซื้อหุ้นกลับมาทั้งหมด ส่งผลให้ปัจจุบัน ยูนิ สตาร์ เป็นบริษัทของคนไทย 100% และมีแนวทางในการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับหลอดไฟแอลอีดีในกลุ่มองค์กรและอุตสาหกรรมเป็นหลัก พร้อมเน้นตลาดต่างประเทศในโซนเอเชีย
ทั้งนี้ หลังจากที่ได้ลงทุน 30 ล้านบาทตั้งโรงงานผลิตขึ้นมาที่บางปูแล้วเสร็จเมื่อปลายปีก่อน และมีกำลังผลิตอยู่ที่ 40% อยู่ในปัจจุบัน ปีนี้ทางบริษัทจะเน้นลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมมากยิ่งขึ้น ชูเรื่องนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ดีกว่าแบรนด์ใหญ่ พร้อมราคาที่ปรับลงมาอีก 20-30% หรือมีราคาที่ถูกกว่าแบรนด์หลัก 10% จะเป็นจุดแข็งที่สำคัญที่จะช่วยเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ๆ ได้มากขึ้นจากปัจจุบันมีอยู่กว่า 20 องค์กร เช่น ปตท., ฮอนด้า เป็นต้น
นายผดุงเกียรติ กล่าวต่อว่า แผนของบริษัทจะเน้นลูกค้าอุตสาหกรรมเป็นหลัก เพราะเป็นกลุ่มที่ใช้หลอดไฟในโรงงานเป็นจำนวนมาก ส่วนลูกค้าในครัวเรือนนั้นปีหน้าจะเริ่มเข้ามาทดลองตลาดบ้าง พร้อมรุกตลาดต่างประเทศในกลุ่มเอเชียด้วย เช่น มาเลเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ที่มีติดต่อเข้ามาบ้างแล้ว เชื่อว่าใน 3 ปีข้างหน้าบริษัทจะมีรายได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศในสัดส่วน 50% เท่าๆ กัน โดยรายได้ในปีนี้เชื่อว่าจะโตกว่าปีก่อน 50%
นายผดุงเกียรติ อภิชัยเดชอุดม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิสตาร์ ออฟโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2554 ด้วยทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท ซึ่งมีผู้ถือหุ้นหลัก 2 กลุ่มคือ คนไทย 51% และไต้หวัน 49% ต่อมามีแนวทางในการดำเนินธุรกิจต่างกัน กลุ่มคนไทยจึงได้ขอซื้อหุ้นกลับมาทั้งหมด ส่งผลให้ปัจจุบัน ยูนิ สตาร์ เป็นบริษัทของคนไทย 100% และมีแนวทางในการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับหลอดไฟแอลอีดีในกลุ่มองค์กรและอุตสาหกรรมเป็นหลัก พร้อมเน้นตลาดต่างประเทศในโซนเอเชีย
ทั้งนี้ หลังจากที่ได้ลงทุน 30 ล้านบาทตั้งโรงงานผลิตขึ้นมาที่บางปูแล้วเสร็จเมื่อปลายปีก่อน และมีกำลังผลิตอยู่ที่ 40% อยู่ในปัจจุบัน ปีนี้ทางบริษัทจะเน้นลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมมากยิ่งขึ้น ชูเรื่องนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ดีกว่าแบรนด์ใหญ่ พร้อมราคาที่ปรับลงมาอีก 20-30% หรือมีราคาที่ถูกกว่าแบรนด์หลัก 10% จะเป็นจุดแข็งที่สำคัญที่จะช่วยเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ๆ ได้มากขึ้นจากปัจจุบันมีอยู่กว่า 20 องค์กร เช่น ปตท., ฮอนด้า เป็นต้น
นายผดุงเกียรติ กล่าวต่อว่า แผนของบริษัทจะเน้นลูกค้าอุตสาหกรรมเป็นหลัก เพราะเป็นกลุ่มที่ใช้หลอดไฟในโรงงานเป็นจำนวนมาก ส่วนลูกค้าในครัวเรือนนั้นปีหน้าจะเริ่มเข้ามาทดลองตลาดบ้าง พร้อมรุกตลาดต่างประเทศในกลุ่มเอเชียด้วย เช่น มาเลเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ที่มีติดต่อเข้ามาบ้างแล้ว เชื่อว่าใน 3 ปีข้างหน้าบริษัทจะมีรายได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศในสัดส่วน 50% เท่าๆ กัน โดยรายได้ในปีนี้เชื่อว่าจะโตกว่าปีก่อน 50%