ASTVผู้จัดการรรายวัน - CMO ทุ่ม 500 ล้านเนรมิตอาณาจักรใหม่ “แบงค็อก ครีเอทีฟ เพลย์กราวนด์” ปักธงใช้ลุยอีเวนต์เต็มสูบรับเออีซี หวังนั่งบัลลังก์เจ้าอีเวนต์อาเซียนใน 3 ปี ผ่านกลยุทธ์โอนเนอร์อีเวนต์ผงาดไปทั่วโลก 4 งาน พร้อมโกยรายได้ 2,000 ล้านบาท ส่วนปีนี้อานิสงส์ทีวีดิจิตอล ธุรกิจเช่าอุปกรณ์โต 20% ดันรายได้รวมสู่ 1,200 ล้านบาทตามแผนได้แน่
นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) หรือ CMO เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของตลาดไมซ์และอีเวนต์อยู่แล้ว และการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 2558 ก็จะยิ่งทำให้ไทยมีความสำคัญในตลาดเหล่านี้มากยิ่งขึ้น ดังนั้นทางบริษัทฯ จึงพร้อมปักธงในประเทศไทย จากความเป็นผู้นำในธุรกิจอีเวนต์สู่ความเป็นผู้นำธุรกิจอีเวนต์ระดับอาเซียนต่อไป
โดยใช้งบประมาณการลงทุนกว่า 500 ล้านบาทสำหรับสร้างอาณาจักรออฟฟิศใหม่ในชื่อ “แบงค็อก ครีเอทีฟ เพลย์กราวนด์” บนพื้นที่ 12 ไร่ ภายใต้แนวคิด “เวิร์ก ไลฟ์ เพลย์” เพื่อสร้างแรงบันดาลใจผ่านการเล่นในที่ทำงานให้แก่พนักงานและเป็นที่ตั้งสำนักงานในกลุ่มซีเอ็มโอทั้ง 3 บริษัทคือ ซีเอ็มโอ, พีเอ็ม เซ็นเตอร์ และดิอายส์ ซึ่งออฟฟิศใหม่แห่งนี้จะใช้เป็นหน้าร้านสำหรับบุกตลาดต่างประเทศต่อไป
“แม้ว่าหลายๆ บริษัทจะมุ่งลงทุนในต่างประเทศทดแทนตลาดในประเทศที่มีความเสี่ยงสูง แต่สำหรับ CMO จะขอโฟกัสการทำธุรกิจในประเทศเป็นหลัก และใช้ฐานในประเทศไทยไปสู่ต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งไม่จำเป็นต้องเข้าไปลงทุน หรือก่อตั้งออฟฟิศแต่อย่างใด แต่สามารถใช้ไทยเป็นศูนย์กลางได้ ส่วนประเทศอื่นๆ ในอาเซียนนั้นมองว่าอินโดนีเซียน่าสนใจ และกำลังมองหาพาร์ตเนอร์ที่จะเข้าไปจอยต์เวนเจอร์อยู่”
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทจะมุ่งสร้างโอนเนอร์อีเวนต์ หรือการสร้างอีเวนต์ขึ้นมาเองเพื่อปูทางสู่ตลาดต่างประเทศ เบื้องต้นวางไว้ 4 งาน ขณะนี้มีอยู่แล้ว 2 งานคือ 1.“ซิงเกิล เฟสติวัล” ปีนี้จัดในไทยเป็นปีที่ 2 และ 2.“ฟูล ปาร์ตี้ ไลฟ์ อิน แบงค็อก” ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นปีแรก โดยทั้ง 2 งานจะเริ่มนำไปจัดในต่างประเทศในปีนี้
ในส่วนต่างประเทศนั้น ปีนี้ยังมีการรับจ้างจัดงานอีเวนต์อีก 6-7 งานด้วย ทั้งปีเชื่อว่ารายได้จากต่างประเทศจะอยู่ที่ 10% ของรายได้รวม ต่ำกว่าปีก่อนที่ทำได้ 15% เนื่องจากกลับมาเน้นตลาดในประเทศเป็นหลัก แต่หลังจากใช้โอนเนอร์อีเวนต์บุกต่างประเทศแล้ว ภายใน 3 ปีหลังจากนี้เชื่อว่าจะเติบโตขึ้นเป็น 20% ได้
นายเสริมคุณ กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจอีเวนต์ในประเทศไทยไตรมาสแรกตกลง 20% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเริ่มกลับมาดีขึ้นในช่วงไตรมาสสอง ส่วนในครึ่งปีหลังเชื่อว่าจะไม่แตกต่างจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แม้ว่าสถานการณ์การเมืองยังไม่คลี่คลาย หรือทั้งปีมองว่าอีเวนต์มูลค่า 14,000 ล้านบาทจะตกลง 10% แต่ถ้ามองในแง่ของรายได้ของบริษัทอีเวนต์ไทยแล้วยังเติบโตอย่างน้อย 5% เพราะมีรายได้จากต่างประเทศเข้ามาเสริม
ในส่วนของ CMO รายได้ในช่วงไตรมาสแรกตกลงตามสภาพตลาด โดยเฉพาะรายได้จากการเช่าอุปกรณ์ลดลงอย่างมากเพราะไม่มีการจัดงานอีเวนต์และดีขึ้นในช่วงไตรมาสสองเป็นต้นมา โดยเฉพาะจากผลของการเกิดทีวีดิจิตอลทำให้รายได้จากการเช่าอุปกรณ์น่าจะโตขึ้นอีกอย่างน้อย 20% จากเดิมที่ให้เช่าอุปกรณ์จัดรายการอยู่ 8-10 รายการทางฟรีทีวีจะมีเพิ่มเข้ามาอีกหลายรายการ ส่งผลให้ทั้งปีนี้จึงน่าจะทำรายได้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ 1,200 ล้านบาทได้ แบ่งเป็น 60% มาจากธุรกิจออแกไนซ์ และอีก 40% มาจากธุรกิจด้านซัปพลาย ทั้งนี้ หากเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ภายใน 3 ปีหลังจากนี้บริษัทจะมีรายได้เพิ่มเป็น 2,000 ล้านบาท มาจากต่างประเทศ 20% และในประเทศ 80%
