อานิสงส์เออีซี “แม็ทชิ่งฯ” สบช่องโกยรายได้เพิ่ม ทุ่ม 700 ล้านบาทเนรมิตสตูดิโอขนาดใหญ่บนพื้นที่ 35 ไร่ แล้วเสร็จปีหน้า รองรับโลเกชันใหม่ถ่ายภาพยนตร์ โฆษณา ล่าสุดปักธงลุยธุรกิจเช่าอุปกรณ์ถ่ายทำภาพยนตร์-รายการ รับทีวีดิจิตอลหวังดันรายได้โต 30%
นายภูมิชัย วัชรพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็ทชิ่ง แม็กซิไมซ์ โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 ที่พบว่ากลุ่มธุรกิจการถ่ายทำภาพยนตร์ รายการ และโฆษณาในกลุ่มอาเซียนด้วยกันเองขยายมากขึ้น โดยเฉพาะในพม่าและมาเลเซีย ที่สำคัญฝั่งฮอลลีวูด จีน และอินเดีย นิยมเข้ามาใช้โลเกชันในไทย และพม่ามากขึ้น ถือเป็นโอกาสของธุรกิจการเช่าอุปกรณ์ถ่ายทำอย่างมาก
บริษัทจึงพร้อมลงทุนกว่า 700 ล้านบาทสร้างสตูดิโอขนาดใหญ่ แบ่งออกเป็นค่าที่ดิน 300 ล้านบาท สร้างสตูดิโอ 5 โรงถ่าย 239 ล้านบาท และสร้างที่เก็บของและสำนักงาน 161 ล้านบาท บนพื้นที่ขนาด 35 ไร่ ย่านโซนเหนือของ กทม. ขณะนี้กำลังเจรจาในการซื้อที่ดินอยู่ คาดว่าจะแล้วเสร็จและให้บริการได้ในปี 2559 โดยในเฟสต่อไปจะมีการต่อขยายเพิ่มเติมด้วยการสร้างที่พักโรงแรมและรีสอร์ตในอนาคตด้วย
“แผนการสร้างสตูดิโอถ่ายทำภาพยนตร์และรายการทีวีดังกล่าว เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะเป็นสตูดิโอขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งจะให้บริการครบวงจรทั้งการถ่ายทำและการทำโพสต์โปรดักชัน มีจุดเด่นที่สตูดิโอถ่ายใต้น้ำแห่งแรกในประเทศไทย ขนาด 600 ตร.ม. รวมทั้งสตูดิโอขนาดใหญ่ 2,400 ตร.ม. รองรับค่ายหนังจากต่างประเทศ”
จากปัจจุบันมีความต้องการใช้งานสตูดิโอเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เห็นได้จากจำนวนภาพยนตร์และหนังโฆษณาที่เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยเติบโตทุกปี ในปีที่ผ่านมามีมูลค่า 1,600 ล้านบาท ขณะที่การเกิดขึ้นของทีวีดิจิตอล 48 ช่องมีโอกาสที่ผู้ผลิตรายการและเจ้าของช่องทีวีดิจิตอลจะเข้ามาใช้งานสตูดิโอถ่ายทำของบริษัทในอนาคต
ดังนั้นในปีนี้หลังมีการเกิดขึ้นของทีวีดิจิตอลถือเป็นโอกาสที่ดีในการขยายธุรกิจการผลิตรายการใหม่เพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่งด้วย เช่น ในช่อง 7 ช่วงเวลาหลัง 01.00-02.00 น. ผลิตรายการใหม่ 2 รายการ แนวท่องเที่ยวและกีฬา อีกทั้งกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับเจ้าของช่องทีวีดิจิตอลเพื่อรับจ้างผลิตรายการเพิ่มเติม คาดว่าจะสรุปผลและเริ่มผลิตรายการใหม่ได้ภายในปีนี้ จากปัจจุบันบริษัทผลิตรายการให้ช่อง 7 ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นหลักแม็ทชิ่งฯ รวม 4 รายการ และช่องทรูวิชั่นส์ 1 รายการ
ทั้งนี้ มองว่าหลังให้บริการเช่าสตูดิโอและเพิ่มจำนวนการผลิตรายการแล้วมั่นใจว่าจะมีรายได้โตขึ้นกว่า 30% จากปีที่ผ่านมามีรายได้รวม 690 ล้านบาทจาก 5 ธุรกิจ คือ ธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์ถ่ายทำภาพยนตร์ สัดส่วน 52%, ธุรกิจผลิตรายการโทรทัศน์ 27%, ธุรกิจสิ่งพิมพ์ 8%, ธุรกิจจัดอีเวนต์ 7% และธุรกิจผลิตภาพยนตร์โฆษณา 6%
นายภูมิชัย วัชรพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็ทชิ่ง แม็กซิไมซ์ โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 ที่พบว่ากลุ่มธุรกิจการถ่ายทำภาพยนตร์ รายการ และโฆษณาในกลุ่มอาเซียนด้วยกันเองขยายมากขึ้น โดยเฉพาะในพม่าและมาเลเซีย ที่สำคัญฝั่งฮอลลีวูด จีน และอินเดีย นิยมเข้ามาใช้โลเกชันในไทย และพม่ามากขึ้น ถือเป็นโอกาสของธุรกิจการเช่าอุปกรณ์ถ่ายทำอย่างมาก
บริษัทจึงพร้อมลงทุนกว่า 700 ล้านบาทสร้างสตูดิโอขนาดใหญ่ แบ่งออกเป็นค่าที่ดิน 300 ล้านบาท สร้างสตูดิโอ 5 โรงถ่าย 239 ล้านบาท และสร้างที่เก็บของและสำนักงาน 161 ล้านบาท บนพื้นที่ขนาด 35 ไร่ ย่านโซนเหนือของ กทม. ขณะนี้กำลังเจรจาในการซื้อที่ดินอยู่ คาดว่าจะแล้วเสร็จและให้บริการได้ในปี 2559 โดยในเฟสต่อไปจะมีการต่อขยายเพิ่มเติมด้วยการสร้างที่พักโรงแรมและรีสอร์ตในอนาคตด้วย
“แผนการสร้างสตูดิโอถ่ายทำภาพยนตร์และรายการทีวีดังกล่าว เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะเป็นสตูดิโอขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งจะให้บริการครบวงจรทั้งการถ่ายทำและการทำโพสต์โปรดักชัน มีจุดเด่นที่สตูดิโอถ่ายใต้น้ำแห่งแรกในประเทศไทย ขนาด 600 ตร.ม. รวมทั้งสตูดิโอขนาดใหญ่ 2,400 ตร.ม. รองรับค่ายหนังจากต่างประเทศ”
จากปัจจุบันมีความต้องการใช้งานสตูดิโอเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เห็นได้จากจำนวนภาพยนตร์และหนังโฆษณาที่เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยเติบโตทุกปี ในปีที่ผ่านมามีมูลค่า 1,600 ล้านบาท ขณะที่การเกิดขึ้นของทีวีดิจิตอล 48 ช่องมีโอกาสที่ผู้ผลิตรายการและเจ้าของช่องทีวีดิจิตอลจะเข้ามาใช้งานสตูดิโอถ่ายทำของบริษัทในอนาคต
ดังนั้นในปีนี้หลังมีการเกิดขึ้นของทีวีดิจิตอลถือเป็นโอกาสที่ดีในการขยายธุรกิจการผลิตรายการใหม่เพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่งด้วย เช่น ในช่อง 7 ช่วงเวลาหลัง 01.00-02.00 น. ผลิตรายการใหม่ 2 รายการ แนวท่องเที่ยวและกีฬา อีกทั้งกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับเจ้าของช่องทีวีดิจิตอลเพื่อรับจ้างผลิตรายการเพิ่มเติม คาดว่าจะสรุปผลและเริ่มผลิตรายการใหม่ได้ภายในปีนี้ จากปัจจุบันบริษัทผลิตรายการให้ช่อง 7 ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นหลักแม็ทชิ่งฯ รวม 4 รายการ และช่องทรูวิชั่นส์ 1 รายการ
ทั้งนี้ มองว่าหลังให้บริการเช่าสตูดิโอและเพิ่มจำนวนการผลิตรายการแล้วมั่นใจว่าจะมีรายได้โตขึ้นกว่า 30% จากปีที่ผ่านมามีรายได้รวม 690 ล้านบาทจาก 5 ธุรกิจ คือ ธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์ถ่ายทำภาพยนตร์ สัดส่วน 52%, ธุรกิจผลิตรายการโทรทัศน์ 27%, ธุรกิจสิ่งพิมพ์ 8%, ธุรกิจจัดอีเวนต์ 7% และธุรกิจผลิตภาพยนตร์โฆษณา 6%
