“โมโน” อัดงบเพิ่มทุน 500 ล้านบาท ดันช่อง “MONO 29” ลุยดิจิตอลทีวีเต็มกำลัง จัดเต็มคอนเทนต์หนังไทยและเทศออกอากาศในระบบ SD 29 เม.ย.นี้ ครบขวบปีแรกคาดมีรายได้ 600-1,000 ล้านบาทจากโฆษณา หรือส่งให้บริษัทมีรายได้โตขึ้น 50% จาก 1,500 ล้านบาทในปึก่อน ลั่นใน 3 ปีข้างหน้าส่งรายได้รวมทะลุ 5,000 ล้านบาท และทีวีติดท็อปไฟว์ หรือมีแชร์ในสื่อทีวีที่ 10%
นายพิชญ์ โพธารามิก ประธานกรรมการ บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ MONO เปิดเผยว่า บริษัทมีความพร้อมในการออกอากาศช่อง MONO 29 ในวันที่ 29 เม.ย.ศกนี้ โดยได้มีการเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัทจากหลักไม่กี่สิบล้านบาทเป็น 500 ล้านบาทสำหรับจัดหาคอนเทนต์ที่ดีมีคุณภาพทั้งไทยและเทศมานำเสนอ เช่น การซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์/ซีรีส์ต่างชาติจากค่ายโซนี่พิคเจอร์, พาราเม้าท์ และวอร์นเนอร์ รวมถึงค่ายหนังไทยอย่าง พระนครฟิล์ม และเอ็มพิคเจอร์
โดยรวมแล้วขณะนี้มีภาพยนตร์กว่า 1,500 เรื่องในการนำเสนอ ยังมีคอนเทนต์อื่นๆ เสริมทัพ ทั้งละคร ข่าว วาไรตี เป็นต้น โดยเตรียมงบอีก 100 ล้านบาทสำหรับสร้างสตูดิโอแห่งใหม่ด้วย ซึ่งเป็นงบที่ไม่รวมอยู่ใน 500 ล้านบาท ครบ 1 ปีแรกมั่นใจว่าช่องโมโน 29 จะมีรายได้จากโฆษณาไม่ต่ำกว่า 600-1,000 ล้านบาทได้ หรือต่อปีน่าจะมีการลงทุนปีละ 500 ล้านบาท ส่วนจุดคุ้มทุนนั้นคาดว่าจะเริ่มเห็นตั้งแต่ปีแรกเป็นต้นไป
“เดิมธุรกิจโมโนเป็นเอนเตอร์เทนเมนต์ที่ผสมผสานกับเทคโนโลยี ปัจจุบันจึงมีคอนเทนต์ที่ครอบคลุมทุกช่องทาง ทั้งโมบายล์ อินเทอร์เน็ต สิ่งพิมพ์ ผลิตภาพยนตร์ และค่ายเพลง เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมาสัดส่วนรายได้จากกลุ่มโมบายล์จะมากสุด แต่จากความพร้อมในการรุกดิจิตอลทีวีครั้งนี้เชื่อว่าใน 3 ปีข้างหน้ารายได้จากทีวีจะเป็นรายได้หลักของโมโนไม่ต่ำกว่า 50% พร้อมทำให้บริษัทมีรายได้รวมถึง 5,000 ล้านบาทได้”
นายนวมินทร์ ประสพเนตร ผู้ช่วยประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับผังรายการของช่องโมโน 29 ประกอบดัวย ข่าวสารสาระ 25%, ข่าวสารสารประโยชน์บันเทิง 14%, บันเทิง 56% และเด็กและเยาวชน 5% ด้วยคอนเซ็ปต์ Motion Nonstop Channel เน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเจนวายในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก สร้างความแตกต่างและเข้าถึงกลุ่มผู้ชมที่เปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยีแบบมัลติสกรีนด้วยคอนเทนต์ที่มีอยู่ในเครือ นำเสนอช่องโมโน 29 ในรูปแบบ The Real Social TV ส่วนรูปแบบการขายโฆษณานั้น จะมีทั้งรูทสปอต และอินเตอร์แรกทีฟสปอต เฉลี่ยเรตโฆษณาอยู่ที่ 1-1.5 แสนบาทต่อนาที
อย่างไรก็ตาม ในปี 2556 ที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้อยู่ที่ 1,500 ล้านบาท มาจากธุรกิจโมบายล์ 61%, อินเทอร์เน็ต 14%, สิ่งพิมพ์ 9%, มิวสิก 3%, ภาพยนตร์ 3%, ทีวี 3% และอื่นๆ 6% โดยปีนี้เชื่อว่ารายได้จะโตขึ้นกว่า 50% หรือรายได้จากทีวีจะเพิ่มเป็นมากกว่า 10% และใน 3 ปีข้างหน้าบริษัทจะมีรายได้ที่ 5,000 ล้านบาท มาจากทีวี 50%, โมบายล์ 28% เป็นต้น โดยมั่นใจว่าทีวีจะก้าวขึ้นมาเป็นท็อป 5 หรือมีส่วนแบ่ง 5-10% ในตลาดสื่อทีวีรวมมูลค่า 50,000 ล้านบาทได้