เศรษฐกิจชะลอฉุดยอดใช้น้ำมันเบนซิน และดีเซลเดือน มี.ค.ลดลง ธพ.ส่งเจ้าหน้าที่เกาะติดการใช้แอลพีจีภาคขนส่งใกล้ชิดหลัง พ.ค.ราคาครัวเรือนจะสูงกว่าขนส่งถึง 1.25 บาทต่อ กก. เตือนประชาชนอย่านำถังแอลพีจีครัวเรือนไปเติมปั๊มแก๊ส ผิดกฎหมายแรง ติดคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท
นายสมนึก บำรุงสาลี อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเดือน มี.ค. 57 พบว่ากลุ่มเบนซินมีการใช้ 22.41 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 0.16% จากเดือน ก.พ. และหากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนลดลง 0.35% ดีเซลการใช้ลดลงจากเดือน ก.พ. 2.21% อยู่ที่ 59.28 ล้านลิตรต่อวัน และลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.59% ซึ่งสาเหตุสำคัญน่าจะมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และอีกส่วนหนึ่งหันไปใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์หรือ NGV
สำหรับการใช้แอลพีจี (ก๊าซหุงต้ม) เดือน มี.ค.อยู่ที่ 19.58 ล้านกิโลกรัมต่อวัน เพิ่มขึ้นจากเดือน ก.พ. 57 เป็น 0.53% แต่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.27% โดยการใช้เดือน มี.ค.เป็นการเพิ่มขึ้นของภาคปิโตรเคมี 9.65% อยู่ที่ 5.26 ล้านกิโลกรัมต่อวัน และส่วนภาคครัวเรือนลดลง 9.71% อยู่ที่ 5.92 ล้าน กก.ต่อวัน และภาคอุตสาหกรรมลดลง 0.43% อยู่ที่ 1.62 ล้าน กก.ต่อวัน
ทั้งนี้ ราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนปัจจุบันราคาอยู่ที่ 22.13 บาทต่อ กก. ขณะที่ขนส่งอยู่ที่ 21.38 บาทต่อ กก. และวันที่ 1 พ.ค.แอลพีจีครัวเรือนจะต้องปรับขึ้นอีก กก.ละ 50 สตางค์ซึ่งจะทำให้ราคาแอลพีจีครัวเรือนต่างจากขนส่งถึง 11.25 บาทต่อ กก. ซึ่งราคาดังกล่าวอาจจะจูงใจให้เกิดการใช้ผิดประเภทได้ ดังนั้น ธพ.จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่เพื่อติดตามใกล้ชิดโดยขอเตือนผู้ประกอบการโรงบรรจุที่หากมีการนำแอลพีจีไปใช้ผิดประเภท รวมถึงประชาชนทั่วไปที่นำถังแอลพีจีครัวเรือนไปเติมปั๊มแก๊สจะมีความผิดตามกฎหมาย คือจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท
“ธพ.ได้มีหนังสือไปยังผู้ค้าแอลพีจีและโรงบรรจุให้ปฏิบัติตามกฎหมายในการใช้ให้ถูกประเภทเพราะไม่ต้องการให้จับกุม เข้าใจว่าธุรกิจย่อมมีกำไรแต่จะต้องดำเนินงานให้ถูกต้อง การที่แอลพีจีภาคขนส่งปรับขึ้นเราเองยังไม่อยากมองว่าเป็นการใช้ผิดประเภทเพราะจะต้องลงดูรายละเอียดว่ารถมีการไปติดแอลพีจีสูงขึ้นมากน้อยเพียงใดด้วย ซึ่งจากนี้คงจะต้องติดตามใกล้ชิดมากขึ้น” นายสมนึกกล่าว