สมาคมค้าปลีกไทยจี้รัฐยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินโดยเร็วเพื่อกระตุ้นบรรยากาศการจับจ่ายเริ่มดีแล้ว หลังจากที่ กปปส.เปิดพื้นที่จราจรคืนกรุงเทพฯ แล้ว มั่นใจปีนี้ค้าปลีกทั้งปีโต 7% แต่ไตรมาสแรกยังโตต่ำแค่ 2% ชี้ปีที่แล้วเติบโต 6.3% เผย 7 เทรนด์รุ่งปีนี้
นางสาวบุษบา จิราธิวัฒน์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า จากการที่คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. ได้ยุบเวทีหลักที่มีอยู่ทั้งหมด เหลือเวทีสีลมแห่งเดียว เพื่อการคืนพื้นที่จราจรให้แก่กรุงเทพมหานครเมื่อวานนี้ คาดว่าจะส่งผลดีต่อภาพรวมและกำลังซื้อรวมทั้งสร้างอารมณ์การจับจ่ายของผู้บริโภคให้กลับคืนมาด้วย
สมาคมฯ ต้องการให้รัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยเร็วที่สุดด้วย เพราะจะทำให้คนต่างชาติเดินทางเข้ามาประเทศไทยมากขึ้น ส่งผลดีต่อการผลักดันเศรษฐกิจดีขึ้น แต่สมาคมฯ ไม่ได้ทำการประเมินความสูญเสียทางโอกาสในช่วงที่มีการชุมนุมที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม สมาคมฯ ประเมินว่าภาพรวมไตรมาสแรกปี 2557 ของธุรกิจค้าปลีกนี้คาดว่าจะเติบโตประมาณ 2% ส่วนครึ่งปีแรกนี้คาดว่าจะเติบโตประมาณ 4.5% ซึ่งก็ยังต่ำกว่าครึ่งปีแรกปีที่แล้วที่เติบโต 9% และมั่นใจว่าปีนี้ทั้งปีภาคค้าปลีกจะเติบโตประมาณ 6-7% ได้ ซึ่งขณะที่ค่าจีดีพีของประเทศไทยจะอยู่ที่ 2.5%
ทั้งนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจของไทยในปี 2556 ยังมีการขยายตัวบ้าง จากการประกาศของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ ที่บอกว่าจีดีพีของไทยอยู่ที่ 2.9% ส่วนในภาพรวมดัชนีสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ปี 2556 ขยายตัว 6.3% เพราะปัจจัยหลักคือ รายได้ของผู้บริโภคชนชั้นกลางถึงกลุ่มเกษตรกรมีภาระหนี้ครัวเรือนผูกพันจากโครงการรถยนต์คันแรก บรรยากาศการจับจ่ายไม่เอื้ออำนวยจากสถานการณ์การเมือง ส่งผลต่อสินค้าหมวดคงทน วัสดุก่อสร้าง เติบโต 8.5% หมวดสินค้ากึ่งคงทน เช่น แฟชั่น เสื้อผ้า เครื่องสำอาง เติบโต 5.5% และสินค้าไม่คงทน เช่น คอนซูเมอร์ทั้งหลาย สบู่ ยาสีฟัน อาหาร เติบโต 4.5% ทั้งๆ ที่กลุ่มนี้มีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวันเพราะเป็นสินค้าคอนซูเมอร์ทั่วไป
ส่วนภาพรวมของการเติบโตแต่ละกลุ่มของธุรกิจค้าปลีกในปี 2556 นั้นทุกกลุ่มล้วนเติบโตลดลงจากปีก่อนหน้าทั้งสิ้น แบ่งเป็นไฮเปอร์มาร์เกตเติบโต 3.5% ขณะที่ปีก่อนหน้าเติบโต 10%, คอนวีเนียนสโตร์เติบโต 10% ขณะที่ปีก่อนหน้าเติบโต 18%, ดีพาร์ตเมนต์สโตร์เติบโต 5.5% ขณะที่ปีก่อนหน้าเติบโต 12%, สเปเชียลตี้สโตร์เติบโต 8.5% ขณะที่ปีก่อนหน้าเติบโต 18% และซูเปอร์มาร์เกตเติบโต 8% ขณะที่ปีก่อนหน้าเติบโต 10% โดยปี 2556 พบว่าภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกมีการขยายสาขาเพิ่มขึ้มากกว่า 2,000 สาขา
สำหรับแนวโน้มของธุรกิจค้าปลีกในปี 2557 นั้น ทางสมาคมฯ ประเมินว่า 1. การขยายตัวของค้าปลีกจะกระจายไปสู่ภูมิภาคมากขึ้น คาดว่าในปี 2560 สัดส่วนร้านค้าปลีกในต่างจังหวัดจะเพิ่มเป็น 72% และในกรุงเทพฯ ประมาณ 28% จากปัจจุบันที่สัดส่วนในต่างจังหวัด 58% และกรุงเทพฯ 42%
2. ร้านค้ารูปแบบคอนวีเนียนสโตร์จะยังเป็นรูปแบบที่มีการเติบโตดีต่อเนื่อง เพราะเข้ากับไลฟ์สไตล์ชีวิตของผู้คน 3. ร้านค้าประเภทสเปเชียลตี้สโตร์ประเภทความสวยงาม และสุขภาพยังเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตดี 4. การขยายตัวของเมืองส่งผลให้ร้านค้าประเภทวัสดุก่อสร้าง ตกแต่ง เติบโตตามไปด้วย 5. หมวดสินค้าอาหารพร้อมรับประทาน จะเป็นที่ต้องการและเติบโตดี หลายค่ายหันมาพัฒนาสินค้านี้กันมากขึ้น
6. ธุรกิจออนไลน์ เป็นเทรนด์ที่มีความต้องการมากขึ้น และผู้ค้าจะหันมาพัฒนาข่องทางนี้มากขึ้น แม้ว่าปัจจุบันนี้ช่องทางค้า คือ 3% หรือมูลค่า 90,000 ล้านบาท เติบโต 20% จากของมูลค่าค้าปลีกโดยรวมที่มี 1.4 ล้านล้านบาทก็ตาม แต่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในอเมริกามีสัดส่วนช่องทางออนไลน์มากถึง 30% จากมูลค่าค้าปลีก อีกทั้งจะเห็นได่ว่าขณะนี้อเมซอนเองซึ่งเป็นเว็บไซต์ดังก็ยังหันมาเล่นออนไลน์ชอปปิ้งในหมวดโกรเซอรี หรือของชำแล้วด้วย
7. การทำตลาดจากผู้ประกอบการจะยังคงหนักหน่วงและรุนแรงต่อเนื่อง ทั้ง
ลด แลก แจก แถม และ 8. สินค้าแบรนด์เนมจากต่างประเทศจะรุกเข้ามาทำตลาดในไทยมากขึ้น ขณะที่แบรนด์ไทยเองก็ต้องมีการพัฒนาเพื่อรับมือและขยายตัวออกต่างประเทศได้เช่นกัน
นางสาวบุษบา กล่าวต่อว่า สมาคมฯ มีข้อเสนอที่จะฝากไปยังรัฐบาลด้วย คือ 1. สมาคมฯ เสนอเป็นผู้ที่จะทำดัชนีค้าปลีกให้ทางภาครัฐเอง เนื่องจากจะทำได้เร็วกว่าและมีข้อมูลที่ใกล้ชิดกว่า 2. การผลักดันภาพรวมธุรกิจค้าปลีก โดยใช้ความรู้ความสามารถของสมาชิกฯ ที่มีอยู่เข้ามาร่วมกันพัฒนาและวางระบบให้ผู้ประกอบการรายเล็ก รายกลางเพื่อลดต้นทุน และทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 3. สมาคมฯ จะขอมีส่วนร่วมในการเข้าไปพัฒนาศักยภาพของธุรกิจเอสเอ็มอีให้มีความแข็งแกร่งขึ้นด้วย