“ชไนเดอร์ อิเล็คทริค” ผู้นำระดับโลกด้านการจัดการพลังงานที่มุ่งเน้นการใช้พลังงานอย่างประหยัด ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประกาศกลยุทธ์ โดยทิศทางกลยุทธ์หลักของหน่วยธุรกิจอุตสาหกรรม (Industry Business) คือ Green Automation Xperience โดยมีองค์ประกอบหลักคือโซลูชันและสถาปัตยกรรมสำหรับ PlanStruxure PES และ MachineStruxure Next Gen ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง โดยมีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม น้ำและการบำบัดน้ำเสีย อุตสาหกรรมเหมืองแร่และโลหะ อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ และกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์
นายแมทธิว กอนซาเลซ รองประธานบริษัท หน่วยธุรกิจอุตสาหกรรม (Industry Business) บริษัท ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า รายงานของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ระบุว่า ปี พ.ศ.2556 ภาคอุตสาหกรรมต้องเผชิญกับการชะลอตัวของอุปสงค์ในเกือบทุกด้าน โดยเฉพาะแรงขับเคลื่อนทั้งจากอุปสงค์ในประเทศและการฟื้นตัวของภาคการส่งออกต่ำกว่าที่คาดไว้ แต่คาดการณ์ว่าปี พ.ศ.2557 แนวโน้มอุตสาหกรรมโดยภาพรวมจะขยายตัวดีขึ้นจากการเติบโตเพิ่มขึ้นของอุตสาหกรรมมุ่งเน้นการส่งออก ขณะที่แนวโน้มการส่งออกของสินค้าอุตสาหกรรมไทยในปี 2557 น่าจะมีการปรับตัวในทิศทางที่ดีกว่าปี 2556 เนื่องจากอัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2557 มีการขยายตัวร้อยละ 3.5-3.6 ซึ่งสูงกว่าปี 2556 ที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจร้อยละ 2.9-3.1
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านการจัดการพลังงาน เล็งเห็นความสำคัญของการบริหารต้นทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสำหรับธุรกิจอุตสาหกรรมทุกขนาด ตั้งแต่โรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็กไปถึงขนาดใหญ่ โดยมุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตสินค้าที่นอกจากจะพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพดีขึ้นแล้ว ธุรกิจยังต้องมีวิธีลดต้นทุนด้านพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ล่าสุดบริษัทฯ ได้เปิดตัวสถาปัตยกรรมล่าสุด PlantStruxure™ Process Expert System (PES) ระบบ DCS ยุคใหม่ที่ผสมผสานคุณสมบัติที่ดีที่สุดของ PLC/SCADA เช่น การใช้งานง่าย และเป็นระบบเปิด พร้อมทั้งการเชื่อมต่อกันได้อย่างไร้รอยต่อ การใช้ระบบฐานข้อมูลเพียงหนึ่งเดียว และการเพิ่มนวัตกรรมเกี่ยวกับการวินิจฉัยในเรื่องการจัดการพลังงานเพิ่มเติมจาก DCS แบบเดิมที่มีอยู่ ด้วยการผสมผสานระบบจัดการพลังงานและการจัดการข้อมูลในกระบวนการผลิตให้อยู่บนแพลตฟอร์มเดียวกัน ซึ่งจะช่วยทำให้ทีมปฏิบัติการในโรงงานสามารถควบคุมหรือจัดการงานต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์ ช่วยให้ทีมงานสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องและทันเวลา ส่งผลให้เกิดการลดการใช้พลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังได้เปิดตัวโซลูชันใหม่ล่าสุดสำหรับระบบควบคุมเครื่องจักรอัตโนมัติ MachineStruxure™ ที่จะมาสร้างมาตรฐานใหม่ด้วยการใช้งานที่ง่าย มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มประสิทธิภาพตลอดอายุการใช้งานของเครื่องจักร ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบและพัฒนา ไปจนถึงการใช้งานและบำรุงรักษา โดยเป็นโซลูชันระบบควบคุมที่ยืดหยุ่นและรองรับการขยายขนาด เป็นซอฟต์แวร์แอปพลิเคชันครบวงจรในหนึ่งเดียว ทั้งยังเป็นสถาปัตยกรรมที่ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพแล้วและพร้อมใช้งานได้ทันที และเป็นโซลูชันมาตรฐานด้านความปลอดภัยและการควบคุมเคลื่อนที่ ที่มาพร้อมด้วยบริการทางเทคนิคและบริการพัฒนาแอปพลิเคชันโดยผู้เชี่ยวชาญตลอดอายุการใช้งานเครื่องจักรอีกด้วย
พร้อมกันนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นล่าสุด M580 คอนโทรเลอร์สำหรับงานควบคุมระบบออโตเมชัน โดย M580 นี้ถือเป็น ePAC รุ่นแรกของโลกและ MachineStruxure™ รุ่นใหม่ พร้อมกัน 3 รุ่น Modicon M221 M241 และ M251 สำหรับระบบควบคุมเครื่องจักรอัตโนมัติ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของเครื่องจักรตลอดอายุการใช้งาน เพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนด้านพลังงาน
“ด้วยประสิทธิภาพที่เต็มเปี่ยมของผลิตภัณฑ์และโซลูชันใหม่ล่าสุดของเรานี้ที่จะช่วยให้อุตสาหกรรมต่างๆ สามารถลดต้นทุนด้านพลังงานลงได้ ขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพตลอดวงจรอายุของเครื่องจักร เป็นการสร้างกระบวนการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะได้รับการตอบรับอย่างดีจากอุตสาหกรรมที่กำลังมองหาวิธีการเพิ่มศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำตลาดได้อย่างยั่งยืน” นายแมทธิวกล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริคเตรียมจัดงานเปิดตัวแคมเปญแรกด้วยงานสัมมนา Green Automation Xperience 2014 ในวันที่ 3 เมษายน 2557 ที่โรงแรมเดอะสุโกศล กรุงเทพฯ เพื่อเปิดตัวนวัตกรรมล่าสุด PlantStruxure PES และ MachineStruxure Next Generation ซึ่งลูกค้าจะได้มีโอกาสชมการสาธิตการใช้งานจริงของผลิตภัณฑ์ใหม่เหล่านี้อย่างจุใจ ท่านที่สนใจสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.schneider–electric.com/th เร็วๆ นี้
นายแมทธิว กอนซาเลซ รองประธานบริษัท หน่วยธุรกิจอุตสาหกรรม (Industry Business) บริษัท ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า รายงานของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ระบุว่า ปี พ.ศ.2556 ภาคอุตสาหกรรมต้องเผชิญกับการชะลอตัวของอุปสงค์ในเกือบทุกด้าน โดยเฉพาะแรงขับเคลื่อนทั้งจากอุปสงค์ในประเทศและการฟื้นตัวของภาคการส่งออกต่ำกว่าที่คาดไว้ แต่คาดการณ์ว่าปี พ.ศ.2557 แนวโน้มอุตสาหกรรมโดยภาพรวมจะขยายตัวดีขึ้นจากการเติบโตเพิ่มขึ้นของอุตสาหกรรมมุ่งเน้นการส่งออก ขณะที่แนวโน้มการส่งออกของสินค้าอุตสาหกรรมไทยในปี 2557 น่าจะมีการปรับตัวในทิศทางที่ดีกว่าปี 2556 เนื่องจากอัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2557 มีการขยายตัวร้อยละ 3.5-3.6 ซึ่งสูงกว่าปี 2556 ที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจร้อยละ 2.9-3.1
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านการจัดการพลังงาน เล็งเห็นความสำคัญของการบริหารต้นทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสำหรับธุรกิจอุตสาหกรรมทุกขนาด ตั้งแต่โรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็กไปถึงขนาดใหญ่ โดยมุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตสินค้าที่นอกจากจะพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพดีขึ้นแล้ว ธุรกิจยังต้องมีวิธีลดต้นทุนด้านพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ล่าสุดบริษัทฯ ได้เปิดตัวสถาปัตยกรรมล่าสุด PlantStruxure™ Process Expert System (PES) ระบบ DCS ยุคใหม่ที่ผสมผสานคุณสมบัติที่ดีที่สุดของ PLC/SCADA เช่น การใช้งานง่าย และเป็นระบบเปิด พร้อมทั้งการเชื่อมต่อกันได้อย่างไร้รอยต่อ การใช้ระบบฐานข้อมูลเพียงหนึ่งเดียว และการเพิ่มนวัตกรรมเกี่ยวกับการวินิจฉัยในเรื่องการจัดการพลังงานเพิ่มเติมจาก DCS แบบเดิมที่มีอยู่ ด้วยการผสมผสานระบบจัดการพลังงานและการจัดการข้อมูลในกระบวนการผลิตให้อยู่บนแพลตฟอร์มเดียวกัน ซึ่งจะช่วยทำให้ทีมปฏิบัติการในโรงงานสามารถควบคุมหรือจัดการงานต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์ ช่วยให้ทีมงานสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องและทันเวลา ส่งผลให้เกิดการลดการใช้พลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังได้เปิดตัวโซลูชันใหม่ล่าสุดสำหรับระบบควบคุมเครื่องจักรอัตโนมัติ MachineStruxure™ ที่จะมาสร้างมาตรฐานใหม่ด้วยการใช้งานที่ง่าย มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มประสิทธิภาพตลอดอายุการใช้งานของเครื่องจักร ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบและพัฒนา ไปจนถึงการใช้งานและบำรุงรักษา โดยเป็นโซลูชันระบบควบคุมที่ยืดหยุ่นและรองรับการขยายขนาด เป็นซอฟต์แวร์แอปพลิเคชันครบวงจรในหนึ่งเดียว ทั้งยังเป็นสถาปัตยกรรมที่ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพแล้วและพร้อมใช้งานได้ทันที และเป็นโซลูชันมาตรฐานด้านความปลอดภัยและการควบคุมเคลื่อนที่ ที่มาพร้อมด้วยบริการทางเทคนิคและบริการพัฒนาแอปพลิเคชันโดยผู้เชี่ยวชาญตลอดอายุการใช้งานเครื่องจักรอีกด้วย
พร้อมกันนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นล่าสุด M580 คอนโทรเลอร์สำหรับงานควบคุมระบบออโตเมชัน โดย M580 นี้ถือเป็น ePAC รุ่นแรกของโลกและ MachineStruxure™ รุ่นใหม่ พร้อมกัน 3 รุ่น Modicon M221 M241 และ M251 สำหรับระบบควบคุมเครื่องจักรอัตโนมัติ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของเครื่องจักรตลอดอายุการใช้งาน เพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนด้านพลังงาน
“ด้วยประสิทธิภาพที่เต็มเปี่ยมของผลิตภัณฑ์และโซลูชันใหม่ล่าสุดของเรานี้ที่จะช่วยให้อุตสาหกรรมต่างๆ สามารถลดต้นทุนด้านพลังงานลงได้ ขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพตลอดวงจรอายุของเครื่องจักร เป็นการสร้างกระบวนการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะได้รับการตอบรับอย่างดีจากอุตสาหกรรมที่กำลังมองหาวิธีการเพิ่มศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำตลาดได้อย่างยั่งยืน” นายแมทธิวกล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริคเตรียมจัดงานเปิดตัวแคมเปญแรกด้วยงานสัมมนา Green Automation Xperience 2014 ในวันที่ 3 เมษายน 2557 ที่โรงแรมเดอะสุโกศล กรุงเทพฯ เพื่อเปิดตัวนวัตกรรมล่าสุด PlantStruxure PES และ MachineStruxure Next Generation ซึ่งลูกค้าจะได้มีโอกาสชมการสาธิตการใช้งานจริงของผลิตภัณฑ์ใหม่เหล่านี้อย่างจุใจ ท่านที่สนใจสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.schneider–electric.com/th เร็วๆ นี้