“วัตสัน” เชื่อตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามยังโตได้อีกมาก แม้มีผู้เล่นตบเท้าเข้าชิงดำต่อเนื่อง ชี้เทรนด์ปีหน้าสู้กันด้วยเรื่องนวัตกรรม 3 ข้อ
นางสาวนวลพรรณ ชัยนาม ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นทรัล วัตสัน จำกัด ผู้นำร้านเพื่อสุขภาพและความงาม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์มีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาในตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม หรือเฮลท์แอนด์บิวตี้ มองว่าจะทำให้เกิดการแข่งขันรุนแรงขึ้นและทำให้ตลาดเติบโตได้อีกมาก จากปัจจุบันมองว่าตลาดนี้ในไทยยังเป็นตลาดที่เล็กอยู่ เมื่อเทียบกับญี่ปุ่นถือว่าเล็กมาก ขณะเดียวกันผู้บริโภคชาวไทยเริ่มรู้จักตลาดนี้มาได้เพียง 5 ปีเท่านั้น ทำให้มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก
ในส่วนของวัตสัน ปีนี้ถือเป็นปีที่ต้องทำงานหนักอีกปีหนึ่ง ทั้งจากสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยมาตลอดปี รวมถึงคู่แข่งใหม่ที่เข้ามา ทำให้ต้องมีการปรับตัวรับกับสถานการณ์ แต่ยอมรับว่าไม่หนักใจ เนื่องจากเชื่อในความแข็งแกร่งของแบรนด์วัตสันที่อยู่ในไทยมากว่า 17 ปี และพร้อมจะสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงจำนวนสาขาไม่ต่ำกว่า 270 สาขา เป็นอันดับหนึ่งของตลาด ขณะที่แบรนด์ที่เข้ามาใหม่ยังต้องใช้เวลาในการสร้างความแข็งแกร่งสักพัก
อย่างไรก็ตาม ปีนี้เชื่อว่าทิศทางการแข่งขันของตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามจะเป็นในเรื่องนวัตกรรม 3 เรื่อง คือ 1. ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทำตลาดโดยเฉพาะสินค้ากลุ่มพรีเมียมแบรนด์เพิ่มขึ้น รวมการมีสินค้าที่ขายในเฉพาะร้านวัตสันมากขึ้น 2. ส่วนผสมใหม่ๆของสินค้า และ 3. กระบวนการด้านการนำเสนอสินค้า เป็นต้น
สำหรับตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามเกิดขึ้นในเมืองไทยเมื่อ 17 ปีก่อน โดยปัจจุบันวัตสันถือเป็นแบรนด์ที่มีสาขามากที่สุด รองลงมาได้แก่ บู๊ทส์, เอ็กซ์ตร้า (ในเครือซีพี ออลล์) นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ใหม่ที่เกิดขึ้นในตลาด เช่น ซูรูฮะ ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างสหพัฒน์ฯ กับซูรูฮะ ประเทศญี่ปุ่น, โอเกนกิ ของบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) และในอนาคตเชื่อว่าจะมีแบรนด์ “มัทซึโมโตะ” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกลุ่มเซ็นทรัล และมัทซึโมโตะ ประเทศญี่ปุ่นในปีหน้าด้วย ปัจจุบัน “วัตสัน” มีสาขากว่า 3.5 พันแห่ง และร้านขายยากว่า 900 แห่งใน 12 ประเทศ ทั้งในเอเชีย และยุโรป รวมทั้งประเทศจีน (จีนแผ่นดินใหญ่, ฮ่องกง, ไต้หวัน และมาเก๊า), สิงคโปร์, ไทย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, เกาหลี, อินโดนีเซีย, ตุรกี และยูเครน
นางสาวนวลพรรณ ชัยนาม ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นทรัล วัตสัน จำกัด ผู้นำร้านเพื่อสุขภาพและความงาม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์มีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาในตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม หรือเฮลท์แอนด์บิวตี้ มองว่าจะทำให้เกิดการแข่งขันรุนแรงขึ้นและทำให้ตลาดเติบโตได้อีกมาก จากปัจจุบันมองว่าตลาดนี้ในไทยยังเป็นตลาดที่เล็กอยู่ เมื่อเทียบกับญี่ปุ่นถือว่าเล็กมาก ขณะเดียวกันผู้บริโภคชาวไทยเริ่มรู้จักตลาดนี้มาได้เพียง 5 ปีเท่านั้น ทำให้มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก
ในส่วนของวัตสัน ปีนี้ถือเป็นปีที่ต้องทำงานหนักอีกปีหนึ่ง ทั้งจากสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยมาตลอดปี รวมถึงคู่แข่งใหม่ที่เข้ามา ทำให้ต้องมีการปรับตัวรับกับสถานการณ์ แต่ยอมรับว่าไม่หนักใจ เนื่องจากเชื่อในความแข็งแกร่งของแบรนด์วัตสันที่อยู่ในไทยมากว่า 17 ปี และพร้อมจะสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงจำนวนสาขาไม่ต่ำกว่า 270 สาขา เป็นอันดับหนึ่งของตลาด ขณะที่แบรนด์ที่เข้ามาใหม่ยังต้องใช้เวลาในการสร้างความแข็งแกร่งสักพัก
อย่างไรก็ตาม ปีนี้เชื่อว่าทิศทางการแข่งขันของตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามจะเป็นในเรื่องนวัตกรรม 3 เรื่อง คือ 1. ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทำตลาดโดยเฉพาะสินค้ากลุ่มพรีเมียมแบรนด์เพิ่มขึ้น รวมการมีสินค้าที่ขายในเฉพาะร้านวัตสันมากขึ้น 2. ส่วนผสมใหม่ๆของสินค้า และ 3. กระบวนการด้านการนำเสนอสินค้า เป็นต้น
สำหรับตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามเกิดขึ้นในเมืองไทยเมื่อ 17 ปีก่อน โดยปัจจุบันวัตสันถือเป็นแบรนด์ที่มีสาขามากที่สุด รองลงมาได้แก่ บู๊ทส์, เอ็กซ์ตร้า (ในเครือซีพี ออลล์) นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ใหม่ที่เกิดขึ้นในตลาด เช่น ซูรูฮะ ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างสหพัฒน์ฯ กับซูรูฮะ ประเทศญี่ปุ่น, โอเกนกิ ของบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) และในอนาคตเชื่อว่าจะมีแบรนด์ “มัทซึโมโตะ” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกลุ่มเซ็นทรัล และมัทซึโมโตะ ประเทศญี่ปุ่นในปีหน้าด้วย ปัจจุบัน “วัตสัน” มีสาขากว่า 3.5 พันแห่ง และร้านขายยากว่า 900 แห่งใน 12 ประเทศ ทั้งในเอเชีย และยุโรป รวมทั้งประเทศจีน (จีนแผ่นดินใหญ่, ฮ่องกง, ไต้หวัน และมาเก๊า), สิงคโปร์, ไทย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, เกาหลี, อินโดนีเซีย, ตุรกี และยูเครน