ASTVผู้จัดการรายวัน – เปลี่ยนแนวบริหารร้านมินิ ซูเปอร์มาร์เก็ต “เก็ท อิท” ด้วยการเพิ่มสัดส่วนอาหารสำเร็จรูปและอาหารสด 30% วางแผนขยาย 30 สาขาใน 3 ปี เน้นพื้นที่ตามแนวโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าย่านฝั่งธนฯ เตรียมทุ่ม 10-20 ล้านบาทปรับโฉมสาขาบางลำพูให้ทันสมัยขึ้นในปี 57 พร้อมยึดหลักเป็นห้างสรรพสินค้าคนไทยเพียงรายเดียวที่ยังอยู่รอดได้ คาดปี 56 ทำยอดขายได้ 1.8 พันล้านบาท
นายวิโรจน์ จุนประทีปทอง ประธานบริษัท สรรพสินค้า ตั้งฮั่วเส็ง จำกัด เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงาน 3 ปีว่า บริษัทจะให้ความสำคัญด้านการขยายงานร้านมินิ ซูเปอร์มาร์เก็ต “เก็ท อิท” (get it!) เป็นหลัก จากปัจจุบันมี 6 สาขาคือโรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลเด็ก มหาวิทยาลัยมหิดล อิมเมจมอลล์ ถ.พุทธมณฑลสาย 4 ภายในปั๊มน้ำมันซัสโก้สาขา ถ.บรมราชชนนี และ ถ.ราชพฤกษ์ โดยตั้งเป้าจะเพิ่มอีก 5 สาขาภายในปี 2557 ก่อนจะขยายเป็น 30 สาขาภายในปี 2560
หลังจากบริษัททดลองทำตลาดมินิซูเปอร์มาร์เก็ตมาเป็นเวลา 5 ปีจึงได้บทสรุปในการใช้รูปแบบการจำหน่ายลินค้าประเภทอาหารสำเร็จรูป ตลอดจน ผัก ผลไม้ และอาหารสดเป็นหลักในสัดส่วนประมาณ 30% ส่วนสินค้าอื่นๆ จะเป็นเครื่องครัว เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์การฝีมือและอื่นๆ โดยในปีที่ผ่านมาสามารถทำรายได้ประมาณ 200-300 ล้านบาท ส่วนการเพิ่มสาขาใหม่คาดว่าจะทำรายได้ขั้นต่ำวันละประมาณ 1 แสนบาท
“การขยายสาขาใหม่คาดว่าจะใช้งบประมาณการลงทุน 5 ล้านบาทต่อสาขาบนพื้นที่ขนาด 200-300 ตารางเมตร โดยจะเน้นใน 5 ทำเลหลักคือภายในปั๊มน้ำมันซัสโก้ โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย คอมมูนิตี้มอลล์ หมู่บ้านและคอนโดมิเนียมตามแนวก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ ย่านฝั่งธนบุรี โดยมีเป้าหมายว่าจะมีสาขาอย่างน้อย 10 แห่งภายในรัศมีห่างจากห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง สาขาธนบุรี ประมาณ 20 กิโลเมตร เพื่อความสะดวกด้านการขนส่งสินค้า”
ในปี 2557 บริษัทยังมีแผนใช้งบประมาณ 10-20 ล้านบาทในการปรับปรุงสาขาบางลำพู โดยจะขยายพื้นที่มินิ ซูเปอร์มาร์เก็ตเพิ่มขึ้นประมาณ 250-500 ตารางเมตร รวมถึงปรับโครงสร้างและพื้นที่ โดยอาจจะมีการยกเลิกการจำหน่ายสินค้าบางแผนก เพื่อให้มีความทันสมัยเหมาะกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องมีสินค้าครบทุกแผนกทุกชนิด ส่วนสาขาธนบุรีเพิ่งมีการปรับพื้นที่เป็นสัดส่วนของร้านค้าเช่าเพิ่มขึ้นประมาณ 9 พันตารางเมตร โดยคาดว่าจะสามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 6-7 ล้านบาทต่อปี
สำหรับยอดขายของบริษัทในปี 2556 อาจไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดว่าจะเติบโตขึ้น 5-10% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศยังอยู่ในภาวะซบเซา แต่คาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาคือประมาณ 1.8 พันล้านบาท คิดเป็นยอดขายสาขาธนบุรี 1.2 พันล้านบาท สาขาบางลำพู 600 ล้านบาท
“ปัจจุบันเรามีลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการวันธรรมดา ประมาณ 8 พันคน และมีมากถึง 1 หมื่นคนในวันหยุด โดยส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเก่าที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปประมาณ 70% ส่วนที่เหลือ 30 % เป็นกลุ่มลูกค้าใหม่ที่เป็นนักศึกษาและมีอายุต่ำกว่า 40 ปี โดยยังสามารถจำแนกเป็นกลุ่มลูกค้าผู้หญิงมากถึง 70% และกลุ่มลูกค้าผู้ชาย 30% นอกจากนี้ยังมีลูกค้าที่เป็นสมาชิกบัตรตั้งฮั่วเส็ง วี การ์ด อีกประมาณ 1 แสนราย ขณะนี้จึงมีการพัฒนาด้านต่างๆ เพื่อเอื้ออำนวยให้ลูกค้าได้รับความสะดวกและสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพิ่มขึ้น โดยล่าสุดได้มีการลงทุนพัฒนาซอฟต์แวร์ไปแล้วประมาณ 9 ล้านบาท”
นายวิโรจน์ กล่าวด้วยว่า ปี 2557 ถือเป็นปีที่ 51 ในการดำเนินงานของตั้งฮั่วเส็งซึ่งยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นห้างสรรพสินค้าของคนไทยเพียงรายเดียวที่ยังคงสามารถดำเนินงานได้ ทั้งยังถือเป็นการบริหารงานในยุคที่ 2 ซึ่งตนรับผิดชอบต่อจากบิดา ล่าสุดกำลังเตรียมส่งมอบการบริหารงานสู่ยุคที่ 3 ให้แก่บุตรชายคือนายเชษฐา จุนประทีปทอง อายุ 40 ปี ซึ่งเพิ่งเข้ามาเริ่มบริหารงานในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การตลาด เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา
ล่าสุด ตั้งฮั่วเส็ง ยังได้จัดงาน “ร้อยเรียง เคียงศิลป์” ติดต่อกันเป็นปีที่ 20 ตั้งแต่วันที่ 17-37 ต.ค.ศกนี้ ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 5 ตั้งฮั่วเส็ง สาขาธนบุรี โดยนอกจากจะมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการฝึกอาชีพงานฝีมือแล้ว ยังคาดว่าจะสามารถกระตุ้นให้มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นประมาณ 10-20% พร้อมทำยอดขายผลิตภัณฑ์การฝีมือเพิ่มขึ้นประมาณ 100 ล้านบาท