สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่าง ประเทศ ระบุในวันนี้ว่า อันดับความน่าเชื่อถือของไทยไม่มีความเสี่ยงต่อการ ถูกปรับลดลงอันเนื่องจากค่าใช้จ่ายในโครงการรับจำนำข้าว หลังจากที่มูดี้ส์ออกมาเตือนในสัปดาห์นี้ว่า ความเสียหายจากโครงการนี้อาจส่งผลกระทบเป้าหมายของการทำให้งบประมาณสมดุล
"อันดับความน่าเชื่อถือไม่ได้เผชิญความเสี่ยง หากคุณพิจารณารายงานการวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือที่เราเปิดเผยในปลายเดือนเม.ย. จะเห็นว่ามีปัจจัยจำนวนมากซึ่งสนับสนุนอันดับความน่าเชื่อถือของไทย ในปัจจุบันที่ระดับ Baa1 และนั่นเป็นเหตุผลที่เราคงแนวโน้มที่มีเสถียรภาพ" นายสเตฟเฟน ไดค์ นักวิเคราะห์ความเสี่ยงระดับประเทศของมูดี้ส์กล่าวกับรอยเตอร์
ทั้งนี้ อันดับความน่าเชื่อถือของไทยที่ Baa1 อยู่ในกรอบระดับล่างถึงระดับกลางของสถานะที่น่าลงทุน
นายไดค์ระบุว่า ฐานะการคลังของไทย "ค่อนข้างแข็งแกร่ง" เมื่อเทียบกับประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือเท่ากัน และแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย "ค่อนข้างสดใส"
ในเดือนเม.ย. มูดี้ส์ระบุว่า อันดับความน่าเชื่อถือที่ Baa1 ของไทยมีเสถียรภาพ โดยอิงตาม "ความแข็งแกร่งทางการเงินของรัฐบาลที่อยู่ ในระดับสูง" รวมทั้งปัจจัยอื่นๆ แต่มูดี้ส์ก็ตั้งข้อสังเกตว่า "นโยบายประชา นิยม" เป็นความเสี่ยงต่อวินัยทางการเงิน
รายงานในหนังสือพิมพ์ช่วงปลายเดือนที่แล้วระบุว่า รัฐบาลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวในปี 2554/2555 จำนวน 2 แสนล้านบาท ซึ่งทำให้มูดี้ส์ออกมาเตือน และเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลัง ซึ่งเห็นข้อมูล ดังกล่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ผลขาดทุนจะเพิ่มมากขึ้นต่อไป
"ตัวเลขขาดทุนในช่วงที่ผ่านมา และที่จะเพิ่มมากขึ้นจากโครงการรับจำนำข้าว จะเพิ่มความยากลำบากต่อภารกิจของรัฐบาลในการบรรลุเป้าหมายการทำให้งบประมาณสมดุลภายในปี 2560 และจะเป็นปัจจัย เชิงลบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของไทย" มูดี้ส์ระบุ
ต่อข้อซักถามที่ว่า มูดี้ส์ได้ติดต่อกับรัฐบาลตั้งแต่วันจันทร์หรือไม่ นายไดค์กล่าวว่า "เราได้พยายามขอยืนยันตัวเลขดังกล่าวกับทางรัฐบาลแต่ก็ไม่สามารถทำได้"
ด้านนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ตัวเลขขาดทุน 2 แสนล้านบาทนั้น ไม่ถูกต้อง
"ผมไม่รู้ว่าข้อมูลดังกล่าวรั่วไหลไปถึงสื่อมวลชนได้อย่างไร แต่สิ่งที่ผมสามารถบอกคุณได้ตอนนี้ก็คือ ข้อมูลนี้ไม่ถูกต้อง โครงการรับจำนำข้าวไม่ได้สร้างความเสียหายมหาศาลขนาดนั้น" นายบุญทรงกล่าว และ เสริมว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลังกำลังคำนวณ ตัวเลขในขณะนี้ "ผมจะจัดการแถลงข่าว และจะชี้แจงทุกอย่างต่อสื่อมวลชนในวันพรุ่งนี้"
น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบดูแลบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ก่อนที่จะถูกโยกย้ายจากตำแหน่งในสัปดาห์นี้ ได้เปิดเผยกับรอยเตอร์เมื่อวานนี้ว่า ตัวเลขขาดทุนของรัฐบาลอยู่ที่ 2 แสน ล้านบาท ณ วันที่ 31 ม.ค. และอาจเพิ่มขึ้นในขณะนี้
ตัวเลขดังกล่าวเทียบเท่ากับราว 8% ของงบประมาณทั้งหมดของรัฐบาลสำหรับปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือนก.ย.
น.ส.สุภากล่าวว่า ตัวเลขดังกล่าวพิจารณารวมถึงราคาข้าวที่ชำระแล้ว, ต้นทุนการเก็บรักษา และมูลค่าที่เสียไปจากข้าวที่เน่าเสีย กระทรวงพาณิชย์ยังไม่ได้เปิดเผยว่ามีการซื้อข้าวมากเพียงใดนับตั้งแต่ เดือนต.ค.2554 หรือทางกระทรวงได้รับเงินคืนเท่าใดจากการขายข้าวจากสต็อก
กระทรวงพาณิชย์ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับสต็อกข้าว แต่เจ้าหน้าที่ด้านอุตสาหกรรมและเทรดเดอร์ประเมินว่า อาจมีปริมาณเทียบเท่ากับข้าวสารราว 17 ล้านตัน เมื่อเทียบกับที่ไทยส่งออกข้าว 10.6 ล้านตันในปี 2554 ซึ่งเป็นปีที่ดีที่สุดสำหรับการส่งออกของไทย
รัฐบาลเปิดเผยว่าสามารถขายข้าวได้ 7.3 ล้านตันให้กับรัฐบาลต่างประเทศเมื่อปลายปีที่แล้วในการส่งมอบในช่วงเวลาหลายเดือน แต่กลุ่มผู้ส่งออกไม่แน่ใจในข้อมูลดังกล่าว
สภาหอการค้าไทยเปิดเผยว่า มีการส่งออกข้าวเพียง 1.54 ล้านตัน ณ วันที่ 4 มิ.ย.และไม่ได้เป็นการขายข้าวของรัฐบาล เมื่อเทียบกับ 2.25 ล้านตันในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
T.Thammasak
"อันดับความน่าเชื่อถือไม่ได้เผชิญความเสี่ยง หากคุณพิจารณารายงานการวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือที่เราเปิดเผยในปลายเดือนเม.ย. จะเห็นว่ามีปัจจัยจำนวนมากซึ่งสนับสนุนอันดับความน่าเชื่อถือของไทย ในปัจจุบันที่ระดับ Baa1 และนั่นเป็นเหตุผลที่เราคงแนวโน้มที่มีเสถียรภาพ" นายสเตฟเฟน ไดค์ นักวิเคราะห์ความเสี่ยงระดับประเทศของมูดี้ส์กล่าวกับรอยเตอร์
ทั้งนี้ อันดับความน่าเชื่อถือของไทยที่ Baa1 อยู่ในกรอบระดับล่างถึงระดับกลางของสถานะที่น่าลงทุน
นายไดค์ระบุว่า ฐานะการคลังของไทย "ค่อนข้างแข็งแกร่ง" เมื่อเทียบกับประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือเท่ากัน และแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย "ค่อนข้างสดใส"
ในเดือนเม.ย. มูดี้ส์ระบุว่า อันดับความน่าเชื่อถือที่ Baa1 ของไทยมีเสถียรภาพ โดยอิงตาม "ความแข็งแกร่งทางการเงินของรัฐบาลที่อยู่ ในระดับสูง" รวมทั้งปัจจัยอื่นๆ แต่มูดี้ส์ก็ตั้งข้อสังเกตว่า "นโยบายประชา นิยม" เป็นความเสี่ยงต่อวินัยทางการเงิน
รายงานในหนังสือพิมพ์ช่วงปลายเดือนที่แล้วระบุว่า รัฐบาลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวในปี 2554/2555 จำนวน 2 แสนล้านบาท ซึ่งทำให้มูดี้ส์ออกมาเตือน และเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลัง ซึ่งเห็นข้อมูล ดังกล่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ผลขาดทุนจะเพิ่มมากขึ้นต่อไป
"ตัวเลขขาดทุนในช่วงที่ผ่านมา และที่จะเพิ่มมากขึ้นจากโครงการรับจำนำข้าว จะเพิ่มความยากลำบากต่อภารกิจของรัฐบาลในการบรรลุเป้าหมายการทำให้งบประมาณสมดุลภายในปี 2560 และจะเป็นปัจจัย เชิงลบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของไทย" มูดี้ส์ระบุ
ต่อข้อซักถามที่ว่า มูดี้ส์ได้ติดต่อกับรัฐบาลตั้งแต่วันจันทร์หรือไม่ นายไดค์กล่าวว่า "เราได้พยายามขอยืนยันตัวเลขดังกล่าวกับทางรัฐบาลแต่ก็ไม่สามารถทำได้"
ด้านนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ตัวเลขขาดทุน 2 แสนล้านบาทนั้น ไม่ถูกต้อง
"ผมไม่รู้ว่าข้อมูลดังกล่าวรั่วไหลไปถึงสื่อมวลชนได้อย่างไร แต่สิ่งที่ผมสามารถบอกคุณได้ตอนนี้ก็คือ ข้อมูลนี้ไม่ถูกต้อง โครงการรับจำนำข้าวไม่ได้สร้างความเสียหายมหาศาลขนาดนั้น" นายบุญทรงกล่าว และ เสริมว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลังกำลังคำนวณ ตัวเลขในขณะนี้ "ผมจะจัดการแถลงข่าว และจะชี้แจงทุกอย่างต่อสื่อมวลชนในวันพรุ่งนี้"
น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบดูแลบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ก่อนที่จะถูกโยกย้ายจากตำแหน่งในสัปดาห์นี้ ได้เปิดเผยกับรอยเตอร์เมื่อวานนี้ว่า ตัวเลขขาดทุนของรัฐบาลอยู่ที่ 2 แสน ล้านบาท ณ วันที่ 31 ม.ค. และอาจเพิ่มขึ้นในขณะนี้
ตัวเลขดังกล่าวเทียบเท่ากับราว 8% ของงบประมาณทั้งหมดของรัฐบาลสำหรับปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือนก.ย.
น.ส.สุภากล่าวว่า ตัวเลขดังกล่าวพิจารณารวมถึงราคาข้าวที่ชำระแล้ว, ต้นทุนการเก็บรักษา และมูลค่าที่เสียไปจากข้าวที่เน่าเสีย กระทรวงพาณิชย์ยังไม่ได้เปิดเผยว่ามีการซื้อข้าวมากเพียงใดนับตั้งแต่ เดือนต.ค.2554 หรือทางกระทรวงได้รับเงินคืนเท่าใดจากการขายข้าวจากสต็อก
กระทรวงพาณิชย์ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับสต็อกข้าว แต่เจ้าหน้าที่ด้านอุตสาหกรรมและเทรดเดอร์ประเมินว่า อาจมีปริมาณเทียบเท่ากับข้าวสารราว 17 ล้านตัน เมื่อเทียบกับที่ไทยส่งออกข้าว 10.6 ล้านตันในปี 2554 ซึ่งเป็นปีที่ดีที่สุดสำหรับการส่งออกของไทย
รัฐบาลเปิดเผยว่าสามารถขายข้าวได้ 7.3 ล้านตันให้กับรัฐบาลต่างประเทศเมื่อปลายปีที่แล้วในการส่งมอบในช่วงเวลาหลายเดือน แต่กลุ่มผู้ส่งออกไม่แน่ใจในข้อมูลดังกล่าว
สภาหอการค้าไทยเปิดเผยว่า มีการส่งออกข้าวเพียง 1.54 ล้านตัน ณ วันที่ 4 มิ.ย.และไม่ได้เป็นการขายข้าวของรัฐบาล เมื่อเทียบกับ 2.25 ล้านตันในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
T.Thammasak
