xs
xsm
sm
md
lg

“แอมโบรส ไวน์” มุ่งตลาดพรีเมียม ส่ง “ฮาร์ดี้” ดันยอดขาย 500 ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภัทราพร เตชะไพบูลย์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท แอมโบรส ไวน์ จำกัด
เผยตลาดไวน์ในไทยโตแบบก้าวกระโดดปีละ 8-10% เหตุเศรษฐกิจรวมดีขึ้น ขณะที่ผู้บริโภคนิยมดื่มไวน์ในการสังสรรค์มากขึ้น ทุ่มงบฯ 3 ล้านบาททำตลาดไวน์ดังจากออสซี่ “ฮาร์ดี้ไวน์” ฉลองครบรอบ 160 ปี พร้อมเปิดตัว William Hardy Shiraz และ William Hardy Chardonnay เจาะตลาดพรีเมียม จำหน่ายขวดละ 999 บาท

นางภัทราพร เตชะไพบูลย์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท แอมโบรส ไวน์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายไวน์และสุราต่างประเทศชั้นนำ เปิดเผยว่า ตลาดรวมของไวน์ในประเทศไทยเมื่อปี 2555 มีจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 1.3 ล้านลัง มีอัตราการเติบโตประมาณ 8% โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 10% ในปี 2556 ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วมากจากเดิมที่มีอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละประมาณ 4-5% ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่ดีขึ้น ประกอบกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เริ่มนิยมดื่มไวน์เพื่อการสังสรรค์มากขึ้น ทั้งการจำหน่ายผ่านไฮเปอร์มาร์เกต โรงแรม และภัตตาคารระดับห้าดาว รวมถึงการเปิดไวน์บาร์ตามสถานที่ต่างๆ

“สำหรับยอดขายรวมของบริษัทในปี 2555 มีทั้งสิ้นประมาณ 400 ล้านบาท คาดว่าจะขยายตัวเป็น 15% พร้อมยอดขายรวมขั้นต่ำ 500 ล้านบาท โดยในส่วนของไวน์นั้นบริษัทมีการนำเข้าไวน์ชั้นนำจากประเทศออสเตรเลียมากที่สุด รองลงมาคืออิตาลี แอฟริกาใต้ และอื่นๆ โดยส่วนใหญ่เน้นจำหน่ายขวดละประมาณ 400-500 บาทซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่สุด คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60% ขณะที่ไวน์ราคาปานกลางขวดละประมาณ 600-800 บาท มีสัดส่วนประมาณ 20% เท่ากับไวน์พรีเมียมราคาขวดละประมาณ 800-1,000 บาท”

ในปี 2556 บริษัทจะเน้นทำการตลาดไวน์ฮาร์ดี้จากประเทศออสเตรเลียมากที่สุด เพื่อเป็นการฉลองในโอกาส “ครบรอบ 160 ปีฮาร์ดี้ไวน์” ซึ่งได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่คือไวน์ระดับพรีเมียม “William Hardy” ซึ่งจำหน่ายในราคาขวดละ 999 บาททั้ง 2 ชนิด คือ William Hardy Shiraz และ William Hardy Chardonnay โดยเพิ่งมีการเปิดตัวในประเทศอังกฤษ ไทย และบางประเทศในเอเชีย ขณะที่ยังไม่มีการจำหน่ายในประเทศออสเตรเลียแต่อย่างใด

“สำหรับไวน์ฮาร์ดี้ที่บริษัทนำเข้าและจำหน่ายในประเทศไทยมีทั้งหมด 7 แบรนด์ คือ Hardys Oomoo, Hardys Nottage Hill, Hardys Mill Cellars, Hardys VR, Hardys The Riddle, Hardys Stamp และล่าสุดคือ William Hardy โดยบริษัทได้ใช้งบประมาณการตลาดเฉพาะในส่วนของฮาร์ดี้ไวน์ประมาณ 3 ล้านบาทเพื่อกระตุ้นยอดขายให้ตรงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยคาดว่าในปี 2556 จะสามารถจำหน่ายไวน์ฮาร์ดี้ได้ประมาณ 500 ลัง โดยเฉพาะ William Hardy ถือเป็นไวน์ที่มีศักยภาพและคาดว่าจะเป็นสินค้าหลักในการทำตลาดผ่านทุกช่องทางทั้งไฮเปอร์มาร์เกต โรงแรม และภัตตาคารระดับห้าดาว รวมถึงไวน์บาร์ตามสถานที่ต่างๆ”

การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ครั้งนี้ฮาร์ดี้มุ่งทำตลาดในเอเชียเป็นหลักเนื่องจากผู้บริโภคเริ่มมีจำนวนมากขึ้นจนส่งผลให้ตลาดมีการขยายตัวที่สูงมากขึ้นตามไปด้วย โดยปัจจุบันฮาร์ดี้มีการส่งออกไปยังประเทศอังกฤษมากที่สุดในสัดส่วนประมาณ 60% รองลงมาคือแคนาดา 10% ประเทศอื่นๆ เช่น นิวซีแลนด์ อินเดีย และบางประเทศในทวีปอเมริกาใต้ 15% ขณะที่ตลาดเอเชียมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 15%


กำลังโหลดความคิดเห็น