อุตสาหกรรมภาพยนตร์มูลค่า 4,000 ล้านบาท ปีนี้คาดโตไม่ต่ำกว่า 15% เหตุหน้าหนังสวยคาดทำเงินหลายเรื่อง เตรียมตบเท้าเข้าฉายฝุ่นตลบ ค่ายเอสเอฟทุ่ม 400 ล้านบาท เร่งเครื่องปรับโฉมโรงภาพยนตร์สู่ระบบดิจิตอลอีก 120 โรงให้ครบ 200 โรงภายในสิ้นปีนี้ มุ่งขยายสาขาสู่ต่างจังหวัดมากขึ้น พร้อมเอาใจคอหนังผ่านงบ 10 ล้านบาท ชูระบบเสียง “Dolby ATMOS” เพิ่มมูลค่าการรับชมโดยไม่มีแผนปรับราคาตั๋ว มั่นใจทั้งปีรายได้ขยับเพิ่มอีก 25% จาก 3,000 ล้านบาทในปีก่อน
นายสุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมภาพยนตร์มูลค่า 4,000 ล้านบาทในปีนี้ มีแนวโน้มเติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 15% เนื่องจากปีนี้เป็นปีที่ดีของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ โดยมีรายชื่อภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ทำเงินทั้งไทยและเทศเข้าฉายหลายเรื่อง เช่น พี่มากพระโขนง ไอรอนแมน 3 เป็นต้น
ในส่วนของเอสเอฟพร้อมขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นต่างจังหวัดเป็นหลัก ภายใต้งบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาทในปีนี้ที่จะเพิ่มอีก 10 สาขา จำนวนโรงภาพยนตร์รวมกว่า 63 โรง ขณะเดียวกันยังมีการปรับโฉมโรงภาพยนตร์เดิมที่มีอยู่และที่ได้รับการตอบรับที่ดีสู่ระบบการฉายแบบดิจิตอลมากยิ่งขึ้น ด้วยงบกว่า 400 ล้านบาท อีก 120 โรง สู่เป้าหมาย 200 โรงภายในสิ้นปีนี้จากปัจจุบันมีโรงภาพยนตร์ระบบดิจิตอลอยู่ราว 80 โรง
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังพร้อมทุ่มงบอีก 10 ล้านบาท สำหรับการวางระบบเสียง “Dolby ATMOS” จำนวน 1 โรงภาพยนตร์ ที่สาขาเอสเอฟ เวิลด์ซีเนม่า เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งประเทศไทยถือเป็นประเทศที่ 2 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากสิงคโปร์ ที่มีการนำระบบเสียงดังกล่าวมาให้บริการ มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ใช้บริการ
เนื่องจากเป็นโรงภาพยนตร์ที่มีระบบเสียงใหม่ที่มีคุณภาพมากขึ้น แต่ยังคงราคาตั๋วหนังไว้เท่าเดิม ไม่มีแผนปรับราคาเพิ่มแต่อย่างไร
จากแผนการดำเนินงานที่กล่าวมา เชื่อว่าถึงสิ้นปีนี้บริษัทฯ จะมีรายได้รวมเติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 25% จาก 3,000 ล้านบาทที่ปิดไปในปีก่อน ขณะที่ภาพรวมรายได้จากการขายตั่วหนังในไตรมาสแรกที่ผ่านมาเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ในสถาณการณ์ที่ 3 เดือนแรกยังไม่มีรายชื่อภาพยนตร์ทำเงินเข้าฉายมากนัก แต่ 9 เดือนหลังจากนี้เชื่อว่าจะมีรายได้ค่อนข้างสูงจากรายชื่อหนังทำเงินหลายๆ เรื่องที่กล่าวมา