ASTVผู้จัดการรายวัน - ตลาดเคาน์เตอร์เพชรถูกสงครามราคาถล่ม “ยูบิลลี่” เพิ่มงบเร่งสร้างแบรนด์ ทุ่ม 120 ล้านบาทขยายสาขาเพิ่มอีก 12 สาขา คาดรายได้ปีนี้ 1,500 ล้านบาท โตกว่า 20%
นางสาวอัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องประดับเพชรแบรนด์ “ยูบิลลี่” เปิดเผยว่า ปัจจุบันมูลค่าตลาดรวมเครื่องประดับเพชรยังไม่มีตัวเลขที่ชัดเจน แต่จากข้อมูลของบริษัทเชื่อว่าปีนี้ตลาดน่าจะมีการเติบโตที่ดีขึ้น 5-8% เพราะสถานการณ์ทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองยังปกติ รวมถึงกำลังซื้อที่มีอำนาจในการใช้จ่ายมากขึ้น ถึงแม้จะมีนโยบายรถยนต์คันแรกออกมาก็ยังไม่พบยอดขายที่ลดลง
อย่างไรก็ตาม พบว่าในตลาดเคาน์เตอร์เพชรตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำนั้นมีการแข่งขันที่รุนแรงต่อเนื่อง โดยเฉพาะสงครามราคาและส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้เล่นรายใหม่ที่เป็นรายย่อยซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายเดิมๆ เชื่อว่าจะทำให้ตลาดเคาน์เตอร์เพชรถูกมองว่าไม่น่าเชื่อถือมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อตลาดเคาน์เตอร์เพชรโดยรวม
แผนการตลาดของยูบิลลี่ปีนี้ใช้งบการตลาด 5-7% ของรายได้มากกว่าปีก่อนที่ใช้ 3-5% มุ่งสร้างความรู้ในการเลือกซื้อเพชรที่ดีมีคุณภาพ รวมถึงมุ่งสร้างแบรนด์ และบริการที่ดีทั้งก่อนและหลังซื้อสินค้า รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่จะมอบแก่ลูกค้า
ปีนี้ยังใช้งบกว่า 100-120 ล้านบาทขยายสาขา 12 สาขา เฉลี่ยลงทุนสาขาละ 7-10 ล้านบาท โดยเปิดแล้ว 3 สาขาในช่วงไตรมาสแรก คือ โรบินสัน พระนครศรีอยุธยา, โรบินสัน กาญจนบุรี และโรบินสัน ชลบุรี ถึงสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีจำนวนสาขารวม 107 สาขา จากสิ้นปี 2555 มี 95 สาขา แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 40 สาขา และต่างจังหวัด 55 สาขา
“ภาพรวมพฤติกรรมการซื้อเพชรของผู้บริโภคนั้นพบว่ามีอายุลดลง เริ่มตั้งแต่กลุ่มยังก์เจเนอเรชันมากขึ้น ส่วนฐานลูกค้าหลักของทางยูบิลลี่ในขณะนี้ คือกลุ่มเวิร์กกิ้งวูเมน และผู้บริหารระดับกลางที่นิยมซื้อเพชรในลักษณะของเพชรชิ้นแรก, สวมใส่ในชีวิตประจำวัน, ซื้อเพื่อการลงทุน รวมถึงซื้อเพื่อเป็นแหวนหมั้นและการแต่งงาน เฉลี่ยยอดซื้อต่อบิลในปีนี้มองว่าจะสูงกว่าปีก่อนอีก 20% จากปีก่อนอยู่ที่ 50,000 บาทต่อบิล ซึ่งทางยูบิลลี่มีผลิตภัณฑ์ที่จัดออกเป็นคอลเลกชันที่หลากหลายครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย เชื่อว่าถึงสิ้นปีนี้จะมีรายได้โตขึ้น 20% หรือราว 1,500 ล้านบาท จากปีก่อนปิดรายได้ที่ 1,226.23 ล้านบาท เติบโต 38% โดยกว่า 30% โตจากสาขาเดิม”
สำหรับการเปิดเออีซีนั้น ยูบิลลี่มองเป็นโอกาสทางการตลาด เพราะจากเดิมมีฐานลูกค้าเฉพาะในประเทศกว่า 60 ล้านคน จะเพิ่มขึ้นอีก 10 เท่าตัว ดังนั้นทางยูบิลลี่จึงได้มีการเตรียมพร้อมบุคลากรรองรับการเข้าสู่เออีซีไว้บ้างแล้ว ส่วนในแง่ของการลงทุนขยายสาขาในต่างประเทศนั้นจะมีทั้งการลงทุนด้วยตนเอง และไปพร้อมกับพันธมิตร ซึ่งในปลายปีนี้จะได้เห็นการร่วมมือไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านเป็นอันดับแรก