โพลชี้ตรุษจีนปีมะเส็งคึกคัก เงินสะพัด 4.5 หมื่นล้านบาท สูงสุดรอบ 8 ปี หลังคนเชื่อมั่นเศรษฐกิจแห่จับจ่ายใช้สอย แจกแต๊ะเอียเพิ่ม เผยปีนี้เดินทางท่องเที่ยวน้อย และคนยังห่วงเรื่องของแพง ระบุรถคันแรกมีผลให้คนประหยัดเพิ่มขึ้น
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายผู้บริโภคในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2556 จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 1,200 ตัวอย่างว่า เทศกาลตรุษจีนปีนี้จะมีความคึกคักมาก มีเม็ดเงินสะพัดจากการท่องเที่ยว การซื้อข้าวของเซ่นไหว้ การแจกแต๊ะเอีย และทำบุญมากถึง 45,081 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.1% จากปีก่อน สูงสุดในรอบ 8 ปี นับตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา
ปัจจัยบวกที่ทำให้การใช้จ่ายช่วงตรุษจีนคึกคัก เนื่องจากประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจในประเทศจึงหันมาใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่มีการเติบโตดี และการส่งออกที่ฟื้นตัว และยังได้รับอานิสงส์จากนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ รวมถึงโครงการแทรกแซงราคาสินค้าเกษตรของรัฐบาล ทำให้ประชาชนมีรายได้นำไปใช้จ่ายได้เพิ่มขึ้น
ส่วนผลสำรวจผลกระทบนโยบายรถยนต์คันแรกที่มีต่อการใช้จ่ายของประชาชนในปีนี้ พบว่ามีผลต่อการใช้จ่ายในช่วงตรุษจีนและการซื้อสินค้าทั่วไปลดลง เนื่องจากประชาชนต้องเก็บเงินเผื่อไว้สำหรับผ่อนชำระ โดยผลสำรวจชี้ว่ามีประชาชนไม่เข้าร่วมโครงการ 74.2% และเข้าร่วม 25.8% ในจำนวนที่เข้าร่วมมีถึง 40% ที่ได้รับผลกระทบระดับปานกลาง และเมื่อถามว่ามีโอกาสจะผ่อนชำระไม่ครบตามสัญญาหรือไม่ 31.2% ระบุมีโอกาสน้อย อีก 27.1% มีโอกาสปานกลาง 25.1% มีโอกาสมาก และ 16.5% ไม่มีโอกาสผิดนัดเลย ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ยังไม่ชัดเจนและต้องเฝ้าระวังต่อไป
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายผู้บริโภคในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2556 จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 1,200 ตัวอย่างว่า เทศกาลตรุษจีนปีนี้จะมีความคึกคักมาก มีเม็ดเงินสะพัดจากการท่องเที่ยว การซื้อข้าวของเซ่นไหว้ การแจกแต๊ะเอีย และทำบุญมากถึง 45,081 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.1% จากปีก่อน สูงสุดในรอบ 8 ปี นับตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา
ปัจจัยบวกที่ทำให้การใช้จ่ายช่วงตรุษจีนคึกคัก เนื่องจากประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจในประเทศจึงหันมาใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่มีการเติบโตดี และการส่งออกที่ฟื้นตัว และยังได้รับอานิสงส์จากนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ รวมถึงโครงการแทรกแซงราคาสินค้าเกษตรของรัฐบาล ทำให้ประชาชนมีรายได้นำไปใช้จ่ายได้เพิ่มขึ้น
ส่วนผลสำรวจผลกระทบนโยบายรถยนต์คันแรกที่มีต่อการใช้จ่ายของประชาชนในปีนี้ พบว่ามีผลต่อการใช้จ่ายในช่วงตรุษจีนและการซื้อสินค้าทั่วไปลดลง เนื่องจากประชาชนต้องเก็บเงินเผื่อไว้สำหรับผ่อนชำระ โดยผลสำรวจชี้ว่ามีประชาชนไม่เข้าร่วมโครงการ 74.2% และเข้าร่วม 25.8% ในจำนวนที่เข้าร่วมมีถึง 40% ที่ได้รับผลกระทบระดับปานกลาง และเมื่อถามว่ามีโอกาสจะผ่อนชำระไม่ครบตามสัญญาหรือไม่ 31.2% ระบุมีโอกาสน้อย อีก 27.1% มีโอกาสปานกลาง 25.1% มีโอกาสมาก และ 16.5% ไม่มีโอกาสผิดนัดเลย ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ยังไม่ชัดเจนและต้องเฝ้าระวังต่อไป