“ซีพีเอฟ” เดินหน้าพัฒนาอาหารไทยสู่ครัวโลก จับมือโรงเรียนศิลปศาสตร์อาหารไทย ม.ล.พวง ทินกร นำร่องหนุนบุคลากรด้านอาหารเป็นมืออาชีพในระดับสากล คาดช่วยดันยอดขายปีนี้ทะลุ 6,000 ล้านบาท
นายณัฏฐชัย ถิรคุณพิสิษฐ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพปลอดภัย โดยผลิตและจำหน่ายสินค้าอาหารทั้งสดและพร้อมรับประทานภายใต้ตราสินค้า CP โดยมุ่งมั่นสร้างความเติบโตและสร้างสินค้าอาหารคุณภาพของประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับจากทุกประเทศทั่วโลก ตามวิสัยทัศน์ “ครัวของโลก”
สำหรับธุรกิจฟูดเซอร์วิส มุ่งให้ความสำคัญดำเนินธุรกิจสินค้าตราซีพีในกลุ่ม 3 กลุ่มพันธมิตรคู่ค้าหลัก คือ กลุ่มร้านอาหารที่มีสาขา (FOOD CHAIN) เช่น MK โออิชิ เคเอฟซี กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม เช่น เซเรบอส ผู้ผลิตสินค้า แบรนด์ซุปไก่สกัด และกลุ่ม HORECA หรือกลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร และแคเทอริง เช่น การบินไทย บางกอกแอร์เวย์ส โดยมีอัตราการเติบโตรวมเฉลี่ยต่อปี ที่ประมาณ 20%
โครงการ “ความร่วมมือการพัฒนาอาหารไทยสู่ครัวโลก” เป็นการร่วมกันสนับสนุนและพัฒนาบุคลากรด้านอาหารให้ก้าวสู่ความเป็นมืออาชีพในระดับสากล ขณะเดียวกันยังนับเป็นการส่งเสริมให้ร้านอาหารไทยมีการพัฒนาไปสู่ระดับนานาชาติ ตอบสนองโอกาสการขยายธุรกิจร้านอาหารไทยที่มีเพิ่มมากขึ้น โดยมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยถึงปีละ 40% อีกทั้งยังเป็นการขยายฐานกลุ่มผู้บริโภคทั่วโลกที่รู้จักและชื่นชอบอาหารไทย ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมในอันดับ 4 ของโลก อาทิ เมนูมัสมั่น เมนูอันดับ 1 ที่ทั่วโลกให้ยอมรับ
“สำหรับความร่วมมือดังกล่าวกับโรงเรียนฯ ในเบื้องต้นจะจัดส่งเป็นวัตถุดิบ หมู, ไก่ และไข่ไก่สด เพื่อเป็นวัตถุดิบในการเรียนการสอนประกอบอาหาร ส่วนการต่อยอดและขยายโอกาสความร่วมมือในอนาคตอาจจะมีการเพิ่มเติมกลุ่มสินค้า ซึ่งอาจเป็นไส้กรอก ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ หรือเป็ดต่อไปตามความเหมาะสม ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีที่จะขยายช่องทางการเข้าถึงอาหารคุณภาพปลอดภัยระหว่างแบรนด์ซีพีกับผู้บริโภค และคาดว่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีศักยภาพสามารถช่วยเพิ่มยอดขายในส่วนของช่องทางขายฟู้ดเซอร์วิสจาก 5,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา (2555) เป็น 6,000 ล้านบาทตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ในปีนี้ (2556)” นายณัฏฐชัยกล่าว และว่า ฝ่ายขายฟูดเซอร์วิสตั้งเป้าภายใน 5 ปีจะมียอดขายมากกว่า 10,000 ล้านบาท ด้วยกลยุทธ์การพัฒนาสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และตอบโจทย์ผู้ประกอบการที่ต้องการซื้อสินค้าในปริมาณมากภายใต้คุณภาพเดียวกัน
ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทั้งผู้ประกอบการ และผู้บริโภค ภายใต้แนวทางการให้บริการแบบ one stop service เพื่อขยายช่องทางอย่างต่อเนื่องไปยังกลุ่มพันธมิตรอื่นๆ โดยยังมีนโยบายที่จะขยายและพัฒนาด้านผลิตภัณฑ์อาหารอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของ Catering ซึ่งจะวิจัยพัฒนาและผลิตอาหารพร้อมทาน โดยจะขยายไปสู่กลุ่มลูกค้าในช่องทางอื่นๆ เช่น กลุ่มสวัสดิการพนักงาน โรงแรม โรงพยาบาล และโรงเรียนเพิ่มเติม
ปัจจุบันสินค้าในการขายของฝ่ายขายฟูดเซอร์วิส ภายใต้ตราซีพี ประกอบด้วย หมู ไก่ ไส้กรอก ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ เป็ด ไข่แปรรูป อาหารพร้อมรับประทาน (RTE) ไข่ไก่ และสินค้ากลุ่ม Premium เช่น หมูคุโรบูตะ ไข่โอเก้า และปลาแพงกาเซียส ดอลลี่ หรือปลาดอลลี่นั่นเอง
ด้านอาจารย์อมินตรา ทินกร ณ อยุธยา ประธานผู้บริหาร โรงเรียนศิลปศาสตร์อาหารไทย มล. พวง ทินกร กล่าวว่า โรงเรียนฯ เน้นการเรียนการสอนแบบตำรับไทย โดยมีหลักสูตรทั้งภาคภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการ การได้ร่วมมือกับซีพีเอฟในครั้งนี้ ทำให้โรงเรียนฯได้วัตถุดิบตราซีพี ซึ่งมีคุณภาพมาตรฐาน และมั่นใจได้ว่าปลอดภัย ที่สำคัญยังสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดทั้งกระบวนการผลิต นอกจากนี้ยังได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจจากผู้บริโภคทั้งในประเทศไทยและอีกกว่า 20 ประเทศทั่วโลกที่ได้มีการส่งออกไปจำหน่าย จึงมั่นใจได้ว่าการเลือกวัตถุดิบอาหารซีพี ทั้งหมู ไก่ และไข่ไก่ เพื่อประกอบเป็นอาหารก็เป็นหนึ่งในพันธกิจของโรงเรียนฯ ที่กำหนดให้ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
นายณัฏฐชัย ถิรคุณพิสิษฐ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพปลอดภัย โดยผลิตและจำหน่ายสินค้าอาหารทั้งสดและพร้อมรับประทานภายใต้ตราสินค้า CP โดยมุ่งมั่นสร้างความเติบโตและสร้างสินค้าอาหารคุณภาพของประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับจากทุกประเทศทั่วโลก ตามวิสัยทัศน์ “ครัวของโลก”
สำหรับธุรกิจฟูดเซอร์วิส มุ่งให้ความสำคัญดำเนินธุรกิจสินค้าตราซีพีในกลุ่ม 3 กลุ่มพันธมิตรคู่ค้าหลัก คือ กลุ่มร้านอาหารที่มีสาขา (FOOD CHAIN) เช่น MK โออิชิ เคเอฟซี กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม เช่น เซเรบอส ผู้ผลิตสินค้า แบรนด์ซุปไก่สกัด และกลุ่ม HORECA หรือกลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร และแคเทอริง เช่น การบินไทย บางกอกแอร์เวย์ส โดยมีอัตราการเติบโตรวมเฉลี่ยต่อปี ที่ประมาณ 20%
โครงการ “ความร่วมมือการพัฒนาอาหารไทยสู่ครัวโลก” เป็นการร่วมกันสนับสนุนและพัฒนาบุคลากรด้านอาหารให้ก้าวสู่ความเป็นมืออาชีพในระดับสากล ขณะเดียวกันยังนับเป็นการส่งเสริมให้ร้านอาหารไทยมีการพัฒนาไปสู่ระดับนานาชาติ ตอบสนองโอกาสการขยายธุรกิจร้านอาหารไทยที่มีเพิ่มมากขึ้น โดยมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยถึงปีละ 40% อีกทั้งยังเป็นการขยายฐานกลุ่มผู้บริโภคทั่วโลกที่รู้จักและชื่นชอบอาหารไทย ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมในอันดับ 4 ของโลก อาทิ เมนูมัสมั่น เมนูอันดับ 1 ที่ทั่วโลกให้ยอมรับ
“สำหรับความร่วมมือดังกล่าวกับโรงเรียนฯ ในเบื้องต้นจะจัดส่งเป็นวัตถุดิบ หมู, ไก่ และไข่ไก่สด เพื่อเป็นวัตถุดิบในการเรียนการสอนประกอบอาหาร ส่วนการต่อยอดและขยายโอกาสความร่วมมือในอนาคตอาจจะมีการเพิ่มเติมกลุ่มสินค้า ซึ่งอาจเป็นไส้กรอก ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ หรือเป็ดต่อไปตามความเหมาะสม ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีที่จะขยายช่องทางการเข้าถึงอาหารคุณภาพปลอดภัยระหว่างแบรนด์ซีพีกับผู้บริโภค และคาดว่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีศักยภาพสามารถช่วยเพิ่มยอดขายในส่วนของช่องทางขายฟู้ดเซอร์วิสจาก 5,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา (2555) เป็น 6,000 ล้านบาทตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ในปีนี้ (2556)” นายณัฏฐชัยกล่าว และว่า ฝ่ายขายฟูดเซอร์วิสตั้งเป้าภายใน 5 ปีจะมียอดขายมากกว่า 10,000 ล้านบาท ด้วยกลยุทธ์การพัฒนาสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และตอบโจทย์ผู้ประกอบการที่ต้องการซื้อสินค้าในปริมาณมากภายใต้คุณภาพเดียวกัน
ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทั้งผู้ประกอบการ และผู้บริโภค ภายใต้แนวทางการให้บริการแบบ one stop service เพื่อขยายช่องทางอย่างต่อเนื่องไปยังกลุ่มพันธมิตรอื่นๆ โดยยังมีนโยบายที่จะขยายและพัฒนาด้านผลิตภัณฑ์อาหารอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของ Catering ซึ่งจะวิจัยพัฒนาและผลิตอาหารพร้อมทาน โดยจะขยายไปสู่กลุ่มลูกค้าในช่องทางอื่นๆ เช่น กลุ่มสวัสดิการพนักงาน โรงแรม โรงพยาบาล และโรงเรียนเพิ่มเติม
ปัจจุบันสินค้าในการขายของฝ่ายขายฟูดเซอร์วิส ภายใต้ตราซีพี ประกอบด้วย หมู ไก่ ไส้กรอก ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ เป็ด ไข่แปรรูป อาหารพร้อมรับประทาน (RTE) ไข่ไก่ และสินค้ากลุ่ม Premium เช่น หมูคุโรบูตะ ไข่โอเก้า และปลาแพงกาเซียส ดอลลี่ หรือปลาดอลลี่นั่นเอง
ด้านอาจารย์อมินตรา ทินกร ณ อยุธยา ประธานผู้บริหาร โรงเรียนศิลปศาสตร์อาหารไทย มล. พวง ทินกร กล่าวว่า โรงเรียนฯ เน้นการเรียนการสอนแบบตำรับไทย โดยมีหลักสูตรทั้งภาคภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการ การได้ร่วมมือกับซีพีเอฟในครั้งนี้ ทำให้โรงเรียนฯได้วัตถุดิบตราซีพี ซึ่งมีคุณภาพมาตรฐาน และมั่นใจได้ว่าปลอดภัย ที่สำคัญยังสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดทั้งกระบวนการผลิต นอกจากนี้ยังได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจจากผู้บริโภคทั้งในประเทศไทยและอีกกว่า 20 ประเทศทั่วโลกที่ได้มีการส่งออกไปจำหน่าย จึงมั่นใจได้ว่าการเลือกวัตถุดิบอาหารซีพี ทั้งหมู ไก่ และไข่ไก่ เพื่อประกอบเป็นอาหารก็เป็นหนึ่งในพันธกิจของโรงเรียนฯ ที่กำหนดให้ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุด