“เพาเวอร์ มอลล์” ปรับกลยุทธ์เพิ่มสัดส่วนสินค้าเพอร์ซันนัลดีไวซ์รับเทรนด์ตลาดปีหน้าโตแรง รับ 3จีเกิดดันตลาดสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตพุ่ง จ่อโตนอกห้างเดอะมอลล์
นายจักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล ผู้อำนวยการใหญ่บริหารสินค้า เพาเวอร์ มอลล์ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าเดอะมอลล์, ดิ เอ็มโพเรียม และสยามพารากอน เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ทำการปรับกลยุทธ์การทำตลาดเพาเวอร์มอลล์เพื่อรองรับแนวโน้มของสินค้าในกลุ่มเพอร์ซันนัลดีไวซ์ (สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ส่วนตัว) ที่มีการเติบโตอย่างดีและต่อเนื่องเมื่อเทียบกับกลุ่มเอชเอ และเอวี
เนื่องมาจากความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ชอบเทคโนโลยีมากขึ้น รวมทั้งการเปิดตัวระบบปฏิบัติการใหม่ๆ ของวินโดวส์ แอนดรอยด์ และสินค้าไอที มือถือสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตใหม่ๆ ลงตลาดต่อเนื่องเช่นกัน รวมไปถึงการเกิดขึ้นของ 3จีที่คาดว่าในปีหน้าจะเริ่มใช้อย่างจริงจังมากขึ้น ส่งผลให้สินค้ากลุ่มดังกล่าวนี้เติบโตตามไปด้วย
โดยบริษัทฯ ได้เพิ่มสัดส่วนสินค้าในกลุ่มเพอร์ซันนัลดีไวซ์ดังกล่าวนี้มากขึ้น มีสัดส่วนประมาณ 40% จากเดิม 36% และที่เหลือเป็นสินค้ากลุ่มเอชเอ จากเดิม 34% และเอวี 30% ซึ่งคงจะปรับให้ใกล้เคียงกัน นอกจากนั้นยังได้รีโนเวตสาขาเดิมคือสาขาบางกะปิ คาดว่าจะแล้วเสร็จต้นปีหน้า หลังจากที่ปีนี้ได้เริ่มทยออยปรับปรุงสาขาเก่าไปแล้วหลายแห่ง เช่น ท่าพระ
ทั้งนี้ ตลาดรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าปี 2555 คาดว่าจะมีมูลค่า 190,000 ล้านบาท เติบโต 9% แยกเป็น กลุ่มเอชเอ 42,000 ล้านบาท กลุ่มเอวี 34,000 ล้านบาท โตประมาณ 5% กลุ่มกล้อง 10,000 ล้านบาท กลุ่มมือถือ 50,000 ล้านบาท ที่เหลือเป็นกลุ่มไอที ขณะที่ปีที่แล้วตลาดรวมมีมูลค่าประมาณ 175,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม สินค้าในกลุ่มมือถือนั้น หากมองในแง่มูลค่าแล้วในส่วนของสมาร์ทโฟนจะมีมากกว่า 75% และที่เหลือ 25% เป็นส่วนของมือถือระบบที่ไม่ใช่สมาร์โฟน ซึ่งปีนี้สมาร์ทโฟนเติบโตถึง 100%
สำหรับรายได้รวมเพาเวอร์มอลล์ปีนี้คาดว่าจะมีประมาณ 9,700 ล้านบาท เติบโตประมาณ 10% โดยยอดขายกว่า 37% มาจากกลุ่มเพอร์ซันนัลดีไวซ์ ส่วนปีหน้าตั้งเป้าเติบโต 5% โดยรายได้ของเพาเวอร์มอลล์คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20% ของรายได้เดอะมอลล์กรุ๊ปที่มีกว่า 48,000 ล้านบาทในปีนี้
นายจักรกฤษณ์กล่าวด้วยว่า เพาเวอร์มอลล์มีแผนที่จะขยายสาขาออกไปนอกเครือข่ายเดอะมอลล์ด้วยเช่นกันหรือแบบสแตนด์อะโลน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจา ซึ่งที่ผ่านมามีผู้สนใจชักชวนเพาเวอร์มอลล์ไปเปิดบริการอย่างน้อย 2 ราย เป็นคอมมูนิตีมอลล์ โดยต้องใช้พื้นที่ไม่ต่ำกว่า 2,000 ตารางเมตร ลงทุนประมาณ 60 ล้านบาทต่อสาขา จากปกติสาขาในเดอะมอลล์พื้นที่ 3,000-4,000 ตารางเมตร
เนื่องจากเพาเวอร์มอลล์มีความพร้อมทั้งด้านการตลาด การจัดส่ง การสต๊อกสินค้า และลอจิสติกส์ หลังจาก 2 ปีที่แล้วได้ลงทุนด้านระบบลอจิสติกส์ประมาณ 90 ล้านบาท ที่พระราม 3 แล้ว
ล่าสุดใช้งบ 65 ล้านบาทจัดงาน “Bangkok Electronica 2013” ระหว่างวันที่ 19 ธ.ค. 55-2 ม.ค. 56 โดยร่วมกับพันธมิตรแบรนด์สินค้าเครื่องเสียง เครื่องใช้ไฟฟ้า และไอทีกว่า 100 แบรนด์ ภายใต้แนวคิด “ซูเปอร์ อินโนเวชัน เทรนด์” จัดโปรโมชันรับส่วนลดสูงสุด 31% วางเป้ายอดขาย 15 วันประมาณ 450 ล้านบาท