คนไทยเห่อของแพง เซ็นทรัลชี้เทรนด์ภาพชอปปิ้งมอลล์สู่ความเป็นฟิวเจอร์ลักชัวรีแทนเทรดิชันนัลเทรด สอดรับโครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซี พร้อมเปิดให้บริการตารมแผนเดิม ธ.ค.ปีหน้า ล่าสุดจีบแบรนด์หรูสุดเอ็กซ์คลูซีฟร่วมแจมผ่านคอนเซ็ปต์ ซิกเนเจอร์สโตร์ แห่งเดียวในไทย ส่งย่านชอปปิ้งเพลินจิตเทียบออร์ชาร์ด กินซา และฟิฟท์อะเวนิว
นายชาติ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ โครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซี เปิดเผยว่า เทรนด์ชอปปิ้งมอลล์ในไทยจากเดิมที่ผ่านมามีรูปแบบเป็นเทรดิชันนัลเทรด แต่ขณะนี้กำลังเข้าสู่ความเป็นฟิวเจอร์ลักชัวรีมากขึ้น ทั้งจากไลฟสไตล์คนไทยที่นิยมสินค้าแบรนด์เนมสูงมาก จนติดอันดับ 6 ของโลกจากการชอปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม สำรวจโดย LEDBURY กรุ๊ปจากอมริกา ขณะเดียวกัน แบรนด์เนมจากต่างประเทศมองเห็นศักยภาพของไทยที่จะเป็นลักชัวรีเดสติเนชันด้วย เห็นได้จากการเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยสูงขึ้น
จากเทรนด์ดังกล่าวสอดคล้องกับโครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ชูความเป็นชอปปิ้งมอลล์ในรูปแบบของฟิวเจอร์ลักชัวรีอย่างแท้จริง โดยแบรนด์สินค้าที่จะเข้าร่วมเปิดให้บริการในเซ็นทรัล เอ็มบาสซีครั้งนี้จะเป็นแบรนด์เนมที่มีความโดดเด่นจากทั่วโลก และยังไม่มีในไทย หรือต้องการรูปแบบร้านที่มีความพิเศษ ทันสมัย มีสไตล์โดดเด่น สอดรับกับดีไซน์โครงการ ชูความเป็นซิกเนเจอร์สโตร์ ที่พิเศษมากกว่าความเป็นแค่เฟล็กชิฟสโตร์ ทั้งนี้ หลังจากเปิดให้บริการจะส่งผลให้ย่านชอปปิ้งเพลินจิตเทียบเท่ากับย่านชอปปิ้งระดับโลก อย่างออร์ชาร์ดของสิงคโปร์ กินซาของญี่ปุ่น และฟิฟท์อะเวนิวของสหรัฐอเมริกา
ล่าสุดโครงการฯ ได้ปิดดีลการขายพื้นที่ตามเป้าแล้วกว่า 90% ด้วยสุดยอดร้านค้าแบรนด์เนมพรีเมียมกว่า 150 แบรนด์ทั่วโลก เช่น Chanel, Gucci, Prada, Bottega Veneta, Saint Laurent, Mulbeery, Paul Smith, Patek Philippe เป็นต้น โดยแบรนด์ใหม่ที่ยังไม่เคยเข้ามาทำตลาดในไทยเลย เช่น Ralph Lauren, Balenciaga, John Varvatos และ Roberto Cavalli เป็นต้น
นายชาติกล่าวต่อว่า สำหรับโครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซีจะยังคงมีกำหนดเปิดให้บริการตามเดิมในเดือน ธ.ค. ปีหน้า และในส่วนของโรงแรมจะเปิดให้บริการได้ในเดือน ก.ย.ปี 2557 ต่อไป ขณะที่ภาพรวมพื้นที่ทั้งหมดของโครงการอยู่ที่ประมาณ 11.4 แสนตารางเมตร เป็นพื้นที่เช่าราว 41,000 ตารางเมตร ที่เหลือเป็นส่วนของโรงแรม และที่จอดรถ
