“เสี่ยเพ้ง” สั่งเบรกผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์โดยเฉพาะโซลาร์ฟาร์ม ขีดเส้นให้ไม่เกินเป้าหมายเดิม 2 พันเมกะวัตต์ ถ้าต้องเดินตามสัญญาให้ได้ไม่เกิน 3 พันเมกะวัตต์ แต่หนุนอาคาร บ้านเรือน หวั่นค่าไฟแพง หันจุดพลุโรงไฟฟ้าชุมชนสร้างรายได้ โดยเฉพาะชีวมวลหวังปลุกเกษตรกรปลูกหญ้าขาย
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน กล่าวหลังการตรวจเยี่ยมสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ว่า มีนโยบายให้ สนพ.ไปทบทวนแนวทางการรับซื้อไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) ตามเป้าหมายเดิมไม่เกิน 2,000 เมกะวัตต์ แต่หากสัญญาผูกพันและยกเลิกไม่ได้ก็ไม่ควรเกิน 3,000 เมกะวัตต์ เนื่องจากที่ผ่านมามีผู้ยื่นขายไฟจำนวนมาก โดยหากรายใดเห็นว่าผลิตไม่ได้และครบกำหนดจ่ายแต่ยังไม่จ่ายไฟก็ให้ยกเลิกสัญญาทันที เนื่องจากการรับซื้อไฟจากเซลล์แสงอาทิตย์ต้องจ่ายส่วนต่างรับซื้อค่าไฟ หรือ ADDER เฉลี่ย 6-8 บาทต่อหน่วยทำให้ค่าไฟฟ้าค่อนข้างแพง
นอกจากนี้ ให้ สนพ.ไปเร่งงานวิจัยและพัฒนาโรงไฟฟ้าชีวมวลและพลังงานทดแทนที่จะนำมาลดต้นทุนด้านพลังงานของประเทศให้เสร็จภายในเดือน ม.ค.-ก.พ. 56 จากกรอบเดิมจะเสร็จกลางปีหรือสิ้นปี โดยเฉพาะศึกษาถึงต้นทุนการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกหญ้าที่เหมาะสมเพื่อสร้างรายได้ในการผลิตไฟฟ้าชีวมวลโดยเฉพาะหญ้าที่ใช้เลี้ยงช้างให้ได้ในราคาที่สูงไปพร้อมๆ กัน ซึ่งหากจำเป็นจะต้องเพิ่ม ADDER ก็ควรจะพิจารณาเพราะขณะนี้ได้เพียง 30 สตางค์ต่อหน่วยเท่านั้น
สำหรับ พพ.ได้มุ่งเน้นให้เร่งศึกษาการตั้งโรงไฟฟ้าชุมชนในแต่ละพื้นที่ให้เหมาะสมกับวัตถุดิบที่ชุมชนมีอยู่ตามแนวนโยบายของนายกรัฐมนตรีเพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชนเพิ่มขึ้น รวมถึงการส่งเสริมการติดตั้งเซลล์แสงอาทิตย์ในอาคารและบ้านที่อยู่อาศัยที่ขณะนี้ พพ.รายงานว่าได้ผ่านกฎหมายส่งเสริมแล้วรอเพียงกระทรวงอุตสาหกรรมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เนื่องจากจะต้องแก้ระเบียบว่าการติดตั้งในอาคารไม่เกี่ยวกับรง. 4 (ประกอบกิจการโรงงาน) ซึ่งจุดนี้จะเป็นประโยชน์กว่าการไปส่งเสริมโซลาร์ฟาร์ม