ASTVผู้จัดการรายวัน - “โซนี่” ส่งกล้องคอมแพกต์ราคา 1 แสนลงตลาดปั๊มยอดขาย หลังหลุดเก้าอี้ผู้นำติดแค่ท็อปทรี หันจับตลาดพรีเมียมเมินตลาดแมส พร้อมส่งภาพรวมรายได้สู่เป้าโต 10%
นายโทรุ ชิมิซึ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมกลุ่มธุรกิจดิจิตอลอิมเมจจิ้งของโซนี่ ซึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มกล้อง 4 ประเภท คือ คอมแพกต์, มิร์เรอร์เลส, ดีเอสแอลอาร์ และแฮนดีแคม พบว่ากลุ่มคอมแพกต์ขณะนี้มีส่วนแบ่งทางการตลาดราว 18% เป็นผู้นำร่วมระดับท็อป 3 มิร์เรอร์เลสมีแชร์ 22-23% อันดับ 2-3 ในตลาด กลุ่มดีเอสแอลอาร์มีแชร์ 3% และแฮนดีแคมยังคงเป็นผู้นำในตลาด
จะเห็นได้ว่าเดิมโซนี่เป็นผู้นำในกลุ่มกล้องคอมแพกต์ และมิร์เรอร์เลส แต่หลังจากเจอสถานการณ์น้ำท่วมในช่วงปลายปีที่ผ่านมาทำให้สินค้ามีไม่เพียงพอต่อความต้องการ ส่งผลให้เราต้องเสียความเป็นผู้นำในตลาดกล้องมิร์เรอร์เลสไป ส่วนคอมแพกต์ปัจจุบันมีผู้เล่นหลายรายและตลาดแข่งขันกันเรื่องราคา ซึ่งทางโซนี่ไม่มีนโยบายปรับราคาสินค้าลง ทำให้เสียโอกาสในความเป็นผู้นำลงไป
ทั้งนี้ บริษัทพร้อมที่จะรุกกลุ่มธุรกิจดิจิตอลอิมเมจจิ้งต่อเนื่อง ภายใต้กลยุทธ์ Power of Imaging ประกอบด้วย 2 ข้อหลัก คือ 1. เจาะกลุ่มสินค้าที่มีแนวโน้มเติบโตสูง เช่น กลุ่มคอมแพกต์ระดับพรีเมียมที่มีราคาตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป ที่มาพร้อมฟังก์ชันการทำงานที่ดีมีคุณภาพมากขึ้น ตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกรูปแบบไลฟ์สไตล์ และ 2. มุ่งเน้นรักษาฐานลูกค้าในกลุ่มสินค้าที่มียอดขายเติบโตเต็มที่
ล่าสุดบริษัทพร้อมเปิดตัวสินค้ากลุ่มดิจิตอลอิมเมจจิ้ง 3 รุ่นที่มาพร้อมเทคโนโลยีระดับไฮเอนด์ อย่างเซ็นเซอร์แบบฟูลเฟรม ประกอบด้วย กล้องดีเอสแอลอาร์ รุ่น อัลฟา99 ราคา 91,990 บาท, กล้องคอมแพกต์ Cyber-shot รุ่น RX1 ราคา 99,990 บาท และกล้องวิดีโอ Handycam รุ่น NEX-VG900E ราคา 109,990 บาท เชื่อว่าจะเป็นกลุ่มสินค้าใหม่ที่จะช่วยเพิ่มยอดขายได้ดียิ่งขึ้น
“โซนี่ไม่ได้มองเรื่องของส่วนแบ่งการตลาดว่าเป็นเรื่องสำคัญ มากกว่าที่จะมองถึงการตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะโอกาสในการนำเสนอสินค้าที่มีโอกาสการเติบโตสูง โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าระดับพรีเมียมที่พบว่ามีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งชายและหญิง เริ่มหันมาใช้กล้องที่มีคุณภาพสูงขึ้น และมีลูกเล่นในการถ่ายภาพเพื่อนำไปสู่การแชร์ภาพที่นิยมในปัจจุบัน ที่สำคัญกลุ่มสินค้าระดับพรีเมียมจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะยังทำให้ยอดขายของกลุ่มดิจิตอลอิมเมจจิ้งเติบโตได้ตามที่วางเป้าหมายไว้”
นายโทรุกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับภาพรวมรายได้ของโซนี่ ไทย ครึ่งปีที่ผ่านมา (เม.ย.-ก.ย. 55) ยังคงมีอัตราการเติบโต 10% ตามที่คาดการณ์ไว้
นายโทรุ ชิมิซึ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมกลุ่มธุรกิจดิจิตอลอิมเมจจิ้งของโซนี่ ซึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มกล้อง 4 ประเภท คือ คอมแพกต์, มิร์เรอร์เลส, ดีเอสแอลอาร์ และแฮนดีแคม พบว่ากลุ่มคอมแพกต์ขณะนี้มีส่วนแบ่งทางการตลาดราว 18% เป็นผู้นำร่วมระดับท็อป 3 มิร์เรอร์เลสมีแชร์ 22-23% อันดับ 2-3 ในตลาด กลุ่มดีเอสแอลอาร์มีแชร์ 3% และแฮนดีแคมยังคงเป็นผู้นำในตลาด
จะเห็นได้ว่าเดิมโซนี่เป็นผู้นำในกลุ่มกล้องคอมแพกต์ และมิร์เรอร์เลส แต่หลังจากเจอสถานการณ์น้ำท่วมในช่วงปลายปีที่ผ่านมาทำให้สินค้ามีไม่เพียงพอต่อความต้องการ ส่งผลให้เราต้องเสียความเป็นผู้นำในตลาดกล้องมิร์เรอร์เลสไป ส่วนคอมแพกต์ปัจจุบันมีผู้เล่นหลายรายและตลาดแข่งขันกันเรื่องราคา ซึ่งทางโซนี่ไม่มีนโยบายปรับราคาสินค้าลง ทำให้เสียโอกาสในความเป็นผู้นำลงไป
ทั้งนี้ บริษัทพร้อมที่จะรุกกลุ่มธุรกิจดิจิตอลอิมเมจจิ้งต่อเนื่อง ภายใต้กลยุทธ์ Power of Imaging ประกอบด้วย 2 ข้อหลัก คือ 1. เจาะกลุ่มสินค้าที่มีแนวโน้มเติบโตสูง เช่น กลุ่มคอมแพกต์ระดับพรีเมียมที่มีราคาตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป ที่มาพร้อมฟังก์ชันการทำงานที่ดีมีคุณภาพมากขึ้น ตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกรูปแบบไลฟ์สไตล์ และ 2. มุ่งเน้นรักษาฐานลูกค้าในกลุ่มสินค้าที่มียอดขายเติบโตเต็มที่
ล่าสุดบริษัทพร้อมเปิดตัวสินค้ากลุ่มดิจิตอลอิมเมจจิ้ง 3 รุ่นที่มาพร้อมเทคโนโลยีระดับไฮเอนด์ อย่างเซ็นเซอร์แบบฟูลเฟรม ประกอบด้วย กล้องดีเอสแอลอาร์ รุ่น อัลฟา99 ราคา 91,990 บาท, กล้องคอมแพกต์ Cyber-shot รุ่น RX1 ราคา 99,990 บาท และกล้องวิดีโอ Handycam รุ่น NEX-VG900E ราคา 109,990 บาท เชื่อว่าจะเป็นกลุ่มสินค้าใหม่ที่จะช่วยเพิ่มยอดขายได้ดียิ่งขึ้น
“โซนี่ไม่ได้มองเรื่องของส่วนแบ่งการตลาดว่าเป็นเรื่องสำคัญ มากกว่าที่จะมองถึงการตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะโอกาสในการนำเสนอสินค้าที่มีโอกาสการเติบโตสูง โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าระดับพรีเมียมที่พบว่ามีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งชายและหญิง เริ่มหันมาใช้กล้องที่มีคุณภาพสูงขึ้น และมีลูกเล่นในการถ่ายภาพเพื่อนำไปสู่การแชร์ภาพที่นิยมในปัจจุบัน ที่สำคัญกลุ่มสินค้าระดับพรีเมียมจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะยังทำให้ยอดขายของกลุ่มดิจิตอลอิมเมจจิ้งเติบโตได้ตามที่วางเป้าหมายไว้”
นายโทรุกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับภาพรวมรายได้ของโซนี่ ไทย ครึ่งปีที่ผ่านมา (เม.ย.-ก.ย. 55) ยังคงมีอัตราการเติบโต 10% ตามที่คาดการณ์ไว้