พ่อค้าของปลอมงานเข้า สภาฯ ผ่านกฎหมายฟอกเงิน จับได้เจอยึดทรัพย์

สภาผู้แทนราษฎรผ่านร่างกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กำหนดให้ความผิดเกี่ยวกับการปลอมหรือละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของสินค้า หรือความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวกับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาอันมีลักษณะเป็นการค้าเป็นความผิดมูลฐานเพิ่มเติม ผู้ละเมิดต้องถูกยึดทรัพย์

นางปัจฉิมา ธนสันติ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้เสนอเรื่องขอแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน โดยกำหนดให้ความผิดเกี่ยวกับการค้าตามประมวลกฎหมายอาญาเฉพาะที่เกี่ยวกับการปลอมหรือการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของสินค้า หรือความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวกับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาอันมีลักษณะเป็นการค้า “เป็นความผิดมูลฐาน” เพิ่มเติมในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการ ฟอกเงินฯ ซึ่งหมายความว่า ต่อไปหากมีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในลักษณะดังกล่าวผู้กระทำละเมิดจะต้องถูกยึดทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินด้วย

ความคืบหน้าของกฎหมายดังกล่าวล่าสุด เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2555 สภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) ซึ่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีสาระสำคัญในส่วนที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญา สรุปได้ดังนี้

1.กำหนดความผิดมูลฐานเพิ่มเติมและกำหนดกรอบของความผิดมูลฐานให้ชัดเจน เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน และกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล

2.กำหนดให้ความผิดเกี่ยวกับการค้าตามประมวลกฎหมายอาญาเฉพาะที่เกี่ยวกับการปลอมหรือการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของสินค้า หรือความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวกับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาอันมีลักษณะเป็นการค้า “เป็นความผิดมูลฐาน”

อย่างไรก็ดี คณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร ได้ตั้งข้อสังเกตว่า บทนิยามคำว่า “ความผิดมูลฐาน” ตามกฎหมายดังกล่าว ไม่ควรกระทบต่อผู้ประกอบการที่กระทำไปเพื่อให้บริการด้านความบันเทิงแก่ลูกค้า โดยการประกอบธุรกิจดังกล่าวนั้นไม่ใช่ธุรกิจหลักที่เกี่ยวกับการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งในการดำเนินงานดังกล่าวให้พิจารณาถึงลักษณะการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบการค้าด้วย เพื่อมิให้กระทบต่อผู้ประกอบการค้ารายย่อยโดยทั่วไปได้

ขณะนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวได้เข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาในวาระที่ 3 หากกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้จะช่วยให้การปราบปรามสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะการยึดทรัพย์ผู้กระทำละเมิดจะเป็นการตัดวงจรในการกระทำความผิดได้อย่างเด็ดขาดส่งผลให้ผู้กระทำละเมิดเกิดความเกรงกลัวและทำให้ปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาลดน้อยลง