“พาณิชย์” ไฟเขียวเต้าเจี้ยวตราเด็กสมบูรณ์ และนมถั่วเหลืองไวตามิ้ลค์ ทูโก ปรับขึ้นราคาได้ 1 บาทหลังต้นทุนถั่วเหลืองพุ่งกระฉูด แต่เว้นไวตามิ้ลค์แบบกล่องไม่ให้ เหตุคนบริโภคมาก หวั่นขึ้นแล้วกระทบคนหมู่มาก ข่าวดีน้ำปลาขอเบรกปรับราคา ส่วนอาหารสัตว์รอลุ้นขึ้นหรือไม่
น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการสินค้าที่ใช้ถั่วเหลืองเป็นวัตถุดิบ ได้แก่ นมถั่วเหลือง และเต้าเจี้ยว ได้แจ้งขอปรับราคาเข้ามายังกรมฯ โดยให้เหตุผลว่าราคาถั่วเหลืองได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากไม่ได้รับการอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาก็จะทำให้สินค้าขาดหายไปจากตลาดเนื่องจากผู้ผลิตไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนได้อีกต่อไป ซึ่งกรมฯ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าต้นทุนเพิ่มขึ้นจริงจึงได้อนุมัติให้ปรับขึ้นราคาได้
ทั้งนี้ ในส่วนของเต้าเจี้ยวได้อนุมัติให้ตราเด็กสมบูรณ์ปรับขึ้นราคาได้ขวดละ 1 บาท เพราะหลังจากพิจารณาเหตุผลต่างๆ ประกอบแล้วพบว่าต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นจริง และราคาที่จำหน่ายเต้าเจี้ยวตราดังกล่าวเมื่อเปรียบกับราคายี่ห้ออื่นๆ ในท้องตลาดก็ยังต่ำกว่า
ส่วนนมถั่วเหลือง ผู้ผลิตยี่ห้อไวตามิ้ลค์ได้ขอปรับขึ้นราคามาเกือบทุกขนาด ทั้งแบบกล่อง และขวด แต่กรมฯ เห็นว่าแบบกล่องเป็นชนิดที่ประชาชนส่วนใหญ่นิยมบริโภค และเป็นสินค้าที่หากปรับขึ้นราคาจะกระทบต่อคนหมู่มาก จึงขอให้ชะลอการปรับราคาไปก่อน แต่สำหรับไวตามิ้ลค์ ทูโก ซึ่งเป็นแบบขวดและเป็นสินค้าทางเลือก ได้อนุมัติให้ปรับราคาขึ้นได้ขวดละ 1 บาท จาก 12 บาทเป็น 13 บาท ซึ่งได้รับอนุมัติน้อยกว่าที่ผู้ผลิตขอมาสูงถึง 2-3 บาท
สำหรับน้ำปลาที่มีข่าวก่อนหน้านี้ว่าจะขอปรับขึ้นราคานั้น ทางผู้ผลิตได้แจ้งเข้ามาว่าจะไม่ปรับขึ้นราคาแล้วเนื่องจากยังสามารถดูแลต้นทุนได้ ขณะที่อาหารสัตว์กำลังจะเสนอให้คณะอนุกรรมการพิจารณาราคาแนะนำอาหารสัตว์พิจารณาว่าจะให้ปรับขึ้นราคาหรือไม่ เพราะขณะนี้ทางกระทรวงพาณิชย์ได้อยู่ระหว่างการหาวัตถุดิบอาหารสัตว์ราคาถูกจากประเทศเพื่อนบ้านมาให้ผู้ผลิตเพื่อช่วยลดต้นทุนอยู่
น.ส.วิบูลย์ลักษณ์กล่าวว่า กรมฯ กำลังจะหาทางร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้ง อบต.และ อบจ. เพื่อร่วมกันทำงานในการผลักดันให้ตลาดต่างๆ มีการปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายสินค้าให้ได้ทุกตลาดทั่วประเทศไทย เพื่อเป็นข้อมูลตัดสินใจให้แก่ประชาชนใช้ในการเลือกซื้อเลือกหาสินค้า เพราะกรมฯ ได้มีการตรวจสอบพบว่าการปิดป้ายแสดงราคาในตลาดใหญ่ๆ และตลาดที่กรมฯ ดูแลส่วนใหญ่มีการปิดป้ายแสดงราคาแล้ว แต่ตลาดในต่างจังหวัดและตลาดเล็กๆ ยังมีการปิดป้ายแสดงราคาน้อย ทั้งๆ ที่กฎหมายบังคับ
“กรมฯ จะเข้าไปดูแลเรื่องนี้ให้มากขึ้นเพราะยังมีตลาดอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายสินค้า และกฎหมายก็บังคับไว้ด้วย ซึ่งจากนี้ไปจะไปร่วมกับหน่วยงานที่อยู่ในต่างจังหวัดทำงานร่วมกัน และรณรงค์ให้ตลาดปิดป้ายเพื่อช่วยดูแลประชาชนอีกทางหนึ่ง โดยช่วงแรกๆ ก็จะใช้วิธีการรณรงค์ แต่ต่อไปจะเพิ่มความเข้มงวดทั้งจับและปรับ”
นอกจากนี้ กรมฯ จะเข้มงวดในการตรวจสอบตาชั่ง โดยปัจจุบันได้มีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบเป็นประจำอยู่แล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนถูกเอารัดเอาเปรียบในการซื้อสินค้า
น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการสินค้าที่ใช้ถั่วเหลืองเป็นวัตถุดิบ ได้แก่ นมถั่วเหลือง และเต้าเจี้ยว ได้แจ้งขอปรับราคาเข้ามายังกรมฯ โดยให้เหตุผลว่าราคาถั่วเหลืองได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากไม่ได้รับการอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาก็จะทำให้สินค้าขาดหายไปจากตลาดเนื่องจากผู้ผลิตไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนได้อีกต่อไป ซึ่งกรมฯ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าต้นทุนเพิ่มขึ้นจริงจึงได้อนุมัติให้ปรับขึ้นราคาได้
ทั้งนี้ ในส่วนของเต้าเจี้ยวได้อนุมัติให้ตราเด็กสมบูรณ์ปรับขึ้นราคาได้ขวดละ 1 บาท เพราะหลังจากพิจารณาเหตุผลต่างๆ ประกอบแล้วพบว่าต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นจริง และราคาที่จำหน่ายเต้าเจี้ยวตราดังกล่าวเมื่อเปรียบกับราคายี่ห้ออื่นๆ ในท้องตลาดก็ยังต่ำกว่า
ส่วนนมถั่วเหลือง ผู้ผลิตยี่ห้อไวตามิ้ลค์ได้ขอปรับขึ้นราคามาเกือบทุกขนาด ทั้งแบบกล่อง และขวด แต่กรมฯ เห็นว่าแบบกล่องเป็นชนิดที่ประชาชนส่วนใหญ่นิยมบริโภค และเป็นสินค้าที่หากปรับขึ้นราคาจะกระทบต่อคนหมู่มาก จึงขอให้ชะลอการปรับราคาไปก่อน แต่สำหรับไวตามิ้ลค์ ทูโก ซึ่งเป็นแบบขวดและเป็นสินค้าทางเลือก ได้อนุมัติให้ปรับราคาขึ้นได้ขวดละ 1 บาท จาก 12 บาทเป็น 13 บาท ซึ่งได้รับอนุมัติน้อยกว่าที่ผู้ผลิตขอมาสูงถึง 2-3 บาท
สำหรับน้ำปลาที่มีข่าวก่อนหน้านี้ว่าจะขอปรับขึ้นราคานั้น ทางผู้ผลิตได้แจ้งเข้ามาว่าจะไม่ปรับขึ้นราคาแล้วเนื่องจากยังสามารถดูแลต้นทุนได้ ขณะที่อาหารสัตว์กำลังจะเสนอให้คณะอนุกรรมการพิจารณาราคาแนะนำอาหารสัตว์พิจารณาว่าจะให้ปรับขึ้นราคาหรือไม่ เพราะขณะนี้ทางกระทรวงพาณิชย์ได้อยู่ระหว่างการหาวัตถุดิบอาหารสัตว์ราคาถูกจากประเทศเพื่อนบ้านมาให้ผู้ผลิตเพื่อช่วยลดต้นทุนอยู่
น.ส.วิบูลย์ลักษณ์กล่าวว่า กรมฯ กำลังจะหาทางร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้ง อบต.และ อบจ. เพื่อร่วมกันทำงานในการผลักดันให้ตลาดต่างๆ มีการปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายสินค้าให้ได้ทุกตลาดทั่วประเทศไทย เพื่อเป็นข้อมูลตัดสินใจให้แก่ประชาชนใช้ในการเลือกซื้อเลือกหาสินค้า เพราะกรมฯ ได้มีการตรวจสอบพบว่าการปิดป้ายแสดงราคาในตลาดใหญ่ๆ และตลาดที่กรมฯ ดูแลส่วนใหญ่มีการปิดป้ายแสดงราคาแล้ว แต่ตลาดในต่างจังหวัดและตลาดเล็กๆ ยังมีการปิดป้ายแสดงราคาน้อย ทั้งๆ ที่กฎหมายบังคับ
“กรมฯ จะเข้าไปดูแลเรื่องนี้ให้มากขึ้นเพราะยังมีตลาดอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายสินค้า และกฎหมายก็บังคับไว้ด้วย ซึ่งจากนี้ไปจะไปร่วมกับหน่วยงานที่อยู่ในต่างจังหวัดทำงานร่วมกัน และรณรงค์ให้ตลาดปิดป้ายเพื่อช่วยดูแลประชาชนอีกทางหนึ่ง โดยช่วงแรกๆ ก็จะใช้วิธีการรณรงค์ แต่ต่อไปจะเพิ่มความเข้มงวดทั้งจับและปรับ”
นอกจากนี้ กรมฯ จะเข้มงวดในการตรวจสอบตาชั่ง โดยปัจจุบันได้มีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบเป็นประจำอยู่แล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนถูกเอารัดเอาเปรียบในการซื้อสินค้า
