แคเรียร์กางแผนลงทุนเพิ่ม 3 โรงงานในเอเชียตามแผน 5 ปี ส่วนในไทยเริ่มลุยโรงงานแห่งที่ 3 จับมือกับทางโตชิบา มั่นใจสิ้นปีรายได้ทะลุ 3,000 ล้านบาท ฟาก บี.กริม คู่ค้าร่วมทุน พร้อมเทกว่า 75,000 ล้านบาทสร้างโรงงานไฟฟ้า หวังครบรอบ150 ปีใน 14 ปีข้างหน้ารายได้พุ่งสู่ 150,000 ล้านบาท
นายรอส เบนจามิน ชัสเตอร์ ประธานภูมิภาคเอเชีย บริษัท ยูไนเต็ด เทคโนโลยี- ไคลเมท, คอนโทรล แอนด์ ซีเคียวริตี้ จำกัด ในกลุ่มบริษัท ยูไนเต็ด เทคโนโลยี คอร์ปอเรชั่น ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องปรับอากาศแคเรียร์ เปิดเผยว่า แคเรียร์ถือเป็นธุรกิจหนึ่งในกลุ่มบริษัท UTC ทั่วโลก ซึ่งรายได้ในปีที่ผ่านมาของยูทีซีทำได้กว่า 58,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มาจากเอเชีย 15% ขณะที่รายได้ของยูไนเต็ด เทคโนโลยี-ไคลเมท และคอนโทรล แอนด์ ซีเคียวริตี้ ทำได้กว่า 19,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยมองในส่วนของกลุ่มเครื่องปรับอากาศแคเรียร์ในภูมิภาคเอเชียว่ามีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศจีน อินเดีย เวียดนาม และไทย เพราะกลุ่มประเทศเหล่านี้ในอีก 6 ปีข้างหน้ากลุ่มคนระดับกลางจะก้าวขึ้นมาเป็นกลุ่มคนเมืองมากขึ้น โอกาสของตลาดแอร์ก็จะเติบโตตามไปด้วย
ดังนั้น จากเดิมที่มีโรงงานผลิตทั่วโลก 22 โรง ตามแผนการลงทุนในรอบ 5 ปีหลังจากนี้ในเอเชียจะเพิ่มอีก 3 โรง คือจีนลงทุนร่วมกับโตชิบา เช่นเดียวกับไทยที่เดิมมี 2 โรงงาน ขณะนี้ได้ร่วมทุนกับทางโตชิบากับโรงงานแห่งที่ 3 ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาในการผลิตแอร์ขนาดเล็กสำหรับครัวเรือนเน้นส่งออกไปทั่วโลกเป็นหลัก และที่อินเดียร่วมทุนกับแบรนด์ Midia ของจีน มุ่งป้อนตลาดในอินเดียเป็นหลัก
โดยแผนการดำเนินงานในประเทศไทยนั้นจะมุ่งเน้นทั้งตลาดอุตสาหกรรมและครัวเรือน ทั้งจาก 2 โรงงานแรกที่ลงทุนเอง และที่ร่วมกับกลุ่มบริษัท บี.กริม ร่วมทุนกันก่อตั้ง บริษัท แคเรียร์ ประเทศไทย จำกัด ขึ้นมาตั้งแต่ปี 2527 ดูแลตลาดอุตสาหกรรม รวมถึงโรงงานแห่งที่ 3 ที่ร่วมกับโตชิบาดูแลเครื่องปรับอากาศในครัวเรือน มั่นใจว่าถึงสิ้นปีนี้แคเรียร์จะมีรายได้รวมในไทยกว่า 3,000 ล้านบาทได้
***บี.กริมหวัง 16 ปีรายได้แตะ 150,000 ล.
ด้านนายฮาราลด์ ลิงค์ ประธานกลุ่มบริษัท บี.กริม กล่าวว่า ในส่วนของ บี.กริม ในอีก 6 ปีข้างหน้าจะครบ 140 ปีที่ดำเนินการมา ดังนั้นจึงต้องการผลักดันรายได้รวมให้ถึง 60,000 ล้านบาทในเวลานั้น จากปัจจุบันปีนี้มีรายได้รวมที่ 19,000 ล้านบาท มาจากกลุ่มธุรกิจพลังงาน 50% เครื่องปรับอากาศ 15% สุขภาพและความงาม 15% และอื่นๆ อีก 20% โดยในอีก 10 ปีระยะต่อไปที่ บี.กริมจะเข้าสู่ 150 ปี มั่นใจว่าจะต้องมีรายได้รวมถึง 150,000 ล้านบาทได้ มาจากกลุ่มธุรกิจพลังงานไม่ต่ำกว่า 2 ใน3 ของรายได้รวมทั้งหมด
โดยแผนการลงทุนในช่วง 7-10 ปีหลังจากนี้จะมีการร่วมทุนและลงทุนในกลุ่มธุรกิจต่างๆ มากยิ่งขึ้น เช่น กลุ่มธุรกิจพลังงานจะมีการลงทุนกว่า 75,000 ล้านบาทสำหรับสร้างโรงงานไฟฟ้าอีกหลายโรง ส่วนกลุ่มธุรกิจสุขภาพและความงามจะมีการร่วมทุนกับกลุ่มบริษัทยาอีก 3 บริษัท และกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะมีให้เช่าพื้นที่ อาคาร มากขึ้น รวมถึงกลุ่มธุรกิจอื่นๆ จะมีการร่วมทุนกับบริษัทด้านปั๊มน้ำ และขยายโรงงานเครื่องปรับอากาศเพิ่ม เป็นต้น
นายรอส เบนจามิน ชัสเตอร์ ประธานภูมิภาคเอเชีย บริษัท ยูไนเต็ด เทคโนโลยี- ไคลเมท, คอนโทรล แอนด์ ซีเคียวริตี้ จำกัด ในกลุ่มบริษัท ยูไนเต็ด เทคโนโลยี คอร์ปอเรชั่น ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องปรับอากาศแคเรียร์ เปิดเผยว่า แคเรียร์ถือเป็นธุรกิจหนึ่งในกลุ่มบริษัท UTC ทั่วโลก ซึ่งรายได้ในปีที่ผ่านมาของยูทีซีทำได้กว่า 58,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มาจากเอเชีย 15% ขณะที่รายได้ของยูไนเต็ด เทคโนโลยี-ไคลเมท และคอนโทรล แอนด์ ซีเคียวริตี้ ทำได้กว่า 19,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยมองในส่วนของกลุ่มเครื่องปรับอากาศแคเรียร์ในภูมิภาคเอเชียว่ามีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศจีน อินเดีย เวียดนาม และไทย เพราะกลุ่มประเทศเหล่านี้ในอีก 6 ปีข้างหน้ากลุ่มคนระดับกลางจะก้าวขึ้นมาเป็นกลุ่มคนเมืองมากขึ้น โอกาสของตลาดแอร์ก็จะเติบโตตามไปด้วย
ดังนั้น จากเดิมที่มีโรงงานผลิตทั่วโลก 22 โรง ตามแผนการลงทุนในรอบ 5 ปีหลังจากนี้ในเอเชียจะเพิ่มอีก 3 โรง คือจีนลงทุนร่วมกับโตชิบา เช่นเดียวกับไทยที่เดิมมี 2 โรงงาน ขณะนี้ได้ร่วมทุนกับทางโตชิบากับโรงงานแห่งที่ 3 ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาในการผลิตแอร์ขนาดเล็กสำหรับครัวเรือนเน้นส่งออกไปทั่วโลกเป็นหลัก และที่อินเดียร่วมทุนกับแบรนด์ Midia ของจีน มุ่งป้อนตลาดในอินเดียเป็นหลัก
โดยแผนการดำเนินงานในประเทศไทยนั้นจะมุ่งเน้นทั้งตลาดอุตสาหกรรมและครัวเรือน ทั้งจาก 2 โรงงานแรกที่ลงทุนเอง และที่ร่วมกับกลุ่มบริษัท บี.กริม ร่วมทุนกันก่อตั้ง บริษัท แคเรียร์ ประเทศไทย จำกัด ขึ้นมาตั้งแต่ปี 2527 ดูแลตลาดอุตสาหกรรม รวมถึงโรงงานแห่งที่ 3 ที่ร่วมกับโตชิบาดูแลเครื่องปรับอากาศในครัวเรือน มั่นใจว่าถึงสิ้นปีนี้แคเรียร์จะมีรายได้รวมในไทยกว่า 3,000 ล้านบาทได้
***บี.กริมหวัง 16 ปีรายได้แตะ 150,000 ล.
ด้านนายฮาราลด์ ลิงค์ ประธานกลุ่มบริษัท บี.กริม กล่าวว่า ในส่วนของ บี.กริม ในอีก 6 ปีข้างหน้าจะครบ 140 ปีที่ดำเนินการมา ดังนั้นจึงต้องการผลักดันรายได้รวมให้ถึง 60,000 ล้านบาทในเวลานั้น จากปัจจุบันปีนี้มีรายได้รวมที่ 19,000 ล้านบาท มาจากกลุ่มธุรกิจพลังงาน 50% เครื่องปรับอากาศ 15% สุขภาพและความงาม 15% และอื่นๆ อีก 20% โดยในอีก 10 ปีระยะต่อไปที่ บี.กริมจะเข้าสู่ 150 ปี มั่นใจว่าจะต้องมีรายได้รวมถึง 150,000 ล้านบาทได้ มาจากกลุ่มธุรกิจพลังงานไม่ต่ำกว่า 2 ใน3 ของรายได้รวมทั้งหมด
โดยแผนการลงทุนในช่วง 7-10 ปีหลังจากนี้จะมีการร่วมทุนและลงทุนในกลุ่มธุรกิจต่างๆ มากยิ่งขึ้น เช่น กลุ่มธุรกิจพลังงานจะมีการลงทุนกว่า 75,000 ล้านบาทสำหรับสร้างโรงงานไฟฟ้าอีกหลายโรง ส่วนกลุ่มธุรกิจสุขภาพและความงามจะมีการร่วมทุนกับกลุ่มบริษัทยาอีก 3 บริษัท และกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะมีให้เช่าพื้นที่ อาคาร มากขึ้น รวมถึงกลุ่มธุรกิจอื่นๆ จะมีการร่วมทุนกับบริษัทด้านปั๊มน้ำ และขยายโรงงานเครื่องปรับอากาศเพิ่ม เป็นต้น